บทความโดย วิชา ศรีซาวคำ ที่ปรึกษา eBay Onramp Team ประจำประเทศไทย ผู้สอน eBay 102 เตรียมตัวสู Power Seller
ก่อน
ที่จะเข้ามาสู้วงการอีเบย์ผมขอย้อนไปประมาณ 2ปีกว่า
ก่อนหน้านี้ผมก็เดินทางบนโลกของความเป็นจริง
คือเรียนหนังสือเหมือนวัยรุ่นทั่วไป
ระหว่างเรียนผมก็ได้เปิดร้านอาหารและขายของที่ถนนคนเดินวันอาทิตย์
ทำเป็นอาชีพเสริม ซึ่งถือได้ว่าเป็นรายได้ที่พอจะมีค่าขนมให้กับตัวเองได้
ก้าวแรกที่เริ่มเข้าสู้ธุรกิจอีเบย์
ผมรู้จักธุรกิจอีเบย์จากเพื่อนสนิทของผม (ชิตวีร์ วงค์ตาผา หรือ อาร์ม
ที่ปรึกษา eBay Onramp Team ประจำประเทศไทย)
ซึ่ง
เพื่อนผมคนนี้จะใช้เวลาส่วนมากอยู่กับการท่องโลกไซเบอร์
เขาได้มาแนะนำให้ทำอีเบย์ ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าจะหาเงินได้จากโลกของไซเบอร์
หรือโลกของอินเตอร์เน็ตนี้ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นนอน
แต่ก็เคยได้ยินเว็บไซด์นี้มาก่อนจากหนังสือโฆษณาทั่วไป
แต่ผมก็ลองทำดูเผื่อจะได้เงินมากขึ้น เพราะคิดว่าไม่น่าจะอยาก
และเสียหายอะไร ก็เลยลงมือทำ......ผมนำสินค้าที่ผมขายอยู่มาลองขายบนอีเบย์
สินค้าที่ขายก็คือเสื้อผ้าพื้นเมืองของเชียงใหม่ ปรากฏว่าชิ้นแรกขายได้
ผมดีใจมาก ทำให้ผมมีกำลังใจและตั้งใจในการทำอีเบย์มากขึ้น
จากที่คิดจะลองทำเล่นๆเป็นรายได้เสริมผมก็ทำมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน
ตอนนี้ผมได้ทำอีเบย์เป็นอาชีพหลักของผมไปเสียแล้ว
ในตอนแรกที่ผมเริ่มทำผมก็นำสินค้าที่มีมาขาย
หลังจากนั้นผมก็เริ่มหาสินค้าอื่นมาขายเพิ่มขึ้น
โดยสังเกตจากกลุ่มลูกค้าที่มาเดินที่ถนนคนเดิน หรือตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ
ว่าส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวเขาจะซื้ออะไรกัน สินค้าตัวไหนขายดี
ตัวไหนน่าจะขายได้ นอกจากนั้นแล้วก็มาดูในตลาดอีเบย์ประกอบด้วย
ว่าเขาซื้อขายอะไรกันบ้างบนนี้ สินค้าตัวไหนที่ได้รับความนิยม หรือขายดี
เขาขายกันเท่าไร
แล้วก็มาดูว่าเราสามารถหาสินค้าที่เป็นที่ต้องการได้หรือไม่
เราพอจะมีศักยภาพสู้กับคู่แข่งได้ไหมไม่ว่าจะเป็นทางด้านราคา หรือคุณภาพ
ดังนั้นถ้าคุณต้องการจะทำธุรกิจ
คุณสามารถเริ่มจากการหาซื้อสินค้าในราคาส่งและนำมาขายต่อบนอีเบย์
แหล่งของสินค้า เราก็สามารถหาได้จาก
- เพื่อนหรือคนในครอบครัวที่ทำธุรกิจอยู่แล้ว
- บริษัทจัดจำหน่าย
- ผู้ผลิต
- ผู้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ
- ซื้อสินค้าที่น่าสนใจในราคาส่งจากแหล่งต่างๆเช่น เปิดท้ายขายของ ตลาดนัด สำเพ็ง
- ซื้อสินค้าจำนวนมากในราคาขายส่งจากอีเบย์และนำมาขายต่อ
และอย่าลืมที่จะอ่านนโยบายการขายสินค้าบนอีเบย์ก่อนที่คุณจะเริ่มขาย
ขายอย่างไรให้ไม่ให้ขาดทุน
การ
ขายของเป็นเรื่องง่ายเมื่อคุณรู้กลยุทธ์สู่ความสำเร็จ
ทำตามข้อควรปฏิบัติง่ายๆเหล่านี้ที่คนขายที่ประสบความสำเร็จบนอีเบย์ใช้กัน
และคอยดูยอดขายของคุณเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การค้นคว้าหาข้อมูล
คุณสามารถค้นหาของที่จบการขายไปแล้วได้สามวิธี:1.เลือก Completed Listings
ในการค้นหา2.หน้ารวมรายการสินค้าที่จบการขายไปแล้ว3.สินค้าที่จบการขายไป
แล้วใน advanced search
ก่อนที่จะขายของบนอีเบย์คุณควรจะค้นหาข้อมูล
สินค้าที่คล้ายๆกับของที่คุณจะขายและขายได้แล้ว
คุณจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมายเกี่ยวกับการตั้งราคา
การเลือกใช้คุณลักษณะต่างๆ และคำพูดที่ควรใช้เพื่อดึงดูดคนซื้อ
เปรียบเทียบสินค้าของคุณกับของที่ขายไปแล้วโดยดูจากรายการที่ปิดการขายไป
แล้ว รายการที่ปิดการขายไปแล้วจะบอกคุณว่าอะไรขายได้บ้างที่ราคาเท่าไร
ช่วยให้คุณตั้งราคาขายของคุณ
นอกจากนี้ยังบอกอีกว่าคนขายแต่ละคนคิดค่าส่งเท่าไร
เมื่อคุณพร้อมที่จะขายแล้ว เพียงแค่คลิกที่ลิงค์ “List an item like this”
เพื่อเริ่มขายสินค้าของคุณที่คล้ายๆกับรายการนั้น
การตั้งราคา
- เริ่มด้วยราคาที่ต่ำ
- การตั้งราคาขั้นต่ำ (Reserve price)
รูปแบบการขาย
คน
ซื้อจำนวนมากสนุกและตื่นเต้นกับการซื้อสินค้าแบบการประมูล
หลายคนชอบที่จะซื้อทันที (Buy It Now)
ถ้าคุณขายของอยู่รูปแบบเดียวคุณก็จะเข้าไม่ถึงคนซื้อทั้งหมดบนอีเบย์
นอกจากนี้รูปแบบการขายบางอย่างทำให้สินค้าขายได้ดีกว่าอีกอย่างขึ้นอยู่กับ
ว่าคุณใช้มันอย่างไร
- สินค้าที่
คุณต้องการจะขายเป็นสินค้าทั่วไปหรือเปล่า ลองขายด้วยราคาตายตัว (Fixed
Price)
หลังจากที่คุณได้ลองหาดูแล้วว่าสินค้าของคุณขายกันอยู่ที่ราคาเท่าไรในท้อง
ตลาด
การขายแบบราคาตายตัวนี้ทำให้คุณขายสินค้าได้ทันทีในราคาที่คุณอยากได้และใน
จำนวนที่คุณอยากจะขาย
- คุณต้องการให้คนซื้อเลือกว่าต้องการจะซื้อแบบไหนหรือไม่ ขายแบบการประมูลและตั้งให้คนเลือกซื้อได้เลยถ้าต้องการ (Buy It Now)
- คุณ
มีของที่ไม่เหมือนใครหรือของหายากหรือเปล่า
การขายแบบการประมูลจะเป็นวิธีที่ทำให้คุณได้ราคาดีที่สุดสำหรับของประเภทนี้
อย่าไปกลัวกับการลองขายด้วยรูปแบบต่างๆ
คุณจะค้นพบรูปแบบที่เหมาะกับสินค้าของคุณในเวลาไม่นาน
สินค้า
เมื่อ
พูดถึงการซื้อของออนไลน์ใดๆก็ตามจะมีจุดๆหนึ่งที่มีผลในทางบวกหรือลบต่อการ
ตัดสินใจซื้อและราคาที่คนซื้อยอมที่จะจ่าย
จุดๆนี้อาจเป็นไปได้ตั้งแต่การทำความเข้าใจว่าของที่จะขายนี้คืออะไร
การส่งของและการชำระเงิน จนไปถึงความน่าเชื่อถือของคนขาย
ชื่อสินค้า
ตัว
อักษรทุกตัวในชื่อสินค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คนหาของที่คุณขายเจออย่าง
ง่ายดาย คุณควรจะจำไว้ว่าคุณใส่ชื่อสินค้าได้ 55 ตัวอักษร
ใช้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ใส่คำบอกถึงหมวดหมู่สินค้าที่คุณขายเช่น
“laptop” ใส่ข้อมูลต่างๆที่บอกคุณสมบัติของสินค้าที่คุณขาย
เช่นชื่อสินค้าของ laptop ก็ควรจะบอกยี่ห้อ ความเร็วและหน่วยความจำด้วย
หลีกเลี่ยงการใช้คำย่อที่ไม่ใช้กันและการสะกดคำผิด
คำนึงถึงคีย์เวิร์ดที่คนใช้ในการค้นหามากที่สุด
คีย์เวิร์ดอื่นๆที่ได้รับความนิยมเช่น New, Free Postage และ Warranty
การบรรจุหีบห่อ
ทำตามขั้นตอนง่ายๆเหล่านี้เพื่อให้การบรรจุหีบห่อเป็นไปด้วยความราบรื่น:• ห่อของ• บรรจุกล่อง• ปิดผนึก
1. ห่อของ
แยก
ห่อของแต่ละชิ้นและใส่สิ่งกันกระแทกมากๆ เช่น บับเบิ้ลห่อของ เม็ดโฟม
แผ่นโฟม กระดาษที่นำมาขยำเป็นก้อนๆ
เม็ดโฟมและแผ่นโฟมกันกระแทกอาจจะขยับได้ระหว่างการส่ง
ดังนั้นคุณควรจะใส่ลงไปให้มากจนกระทั่งคุณไม่ได้ยินเสียงสินค้ากระทบกัน
2. บรรจุกล่อง
ใช้
กล่องส่งของกันกระแทกใบใหม่ เว้นให้มีที่เหลือสำหรับวัสดุกันกระแทกทุกด้าน
อย่าใส่เกินน้ำหนักที่กำหนด (ส่วนมากจะพิมพ์บอกอยู่ใต้กล่อง)
ถ้าคุณจะใช้กล่องใช้แล้วให้ลอกฉลากต่างๆออกเสียก่อน
อย่าลืมว่าน้ำหนักที่ใส่ได้สูงสุดอาจจะลดลงไปเนื่องจากเป็นกล่องใช้แล้ว
3. ปิดผนึก
ใช้
เทปที่ออกแบบมาสำหรับใช้ในการส่งของโดยเฉพาะ อย่าใช้เทปกั้นทาสี เทปใส
เชือกหรือกระดาษห่อ
ผู้มีประสบการณ์แนะนำให้ใช้เทปที่เป็นพลาสติกหรือเสริมด้วยไนลอนหรือเทปกาว
ที่ใช้น้ำทา (คุณภาพ 60 ปอนด์และกว้างอย่างน้อยสามนิ้ว)
ของบางอย่างต้องใช้การบรรจุหีบห่อเป็นพิเศษ เช่น:
ของ
เก่าหรืองานศิลปะ: เอากระจกออกและคลุมปิดด้วยตัวป้องกันกระจก “glassmask”
หรือ “glass-skin” และห่อต่างหาก
(อย่าใช้ตัวป้องกันกระจกแบบนี้บนกระจกแบบที่ลดแสงสะท้อนเพราะจะทำให้พื้น
ผิวกระจกเสียหายได้) อย่าให้ตัวงานศิลปะโดนกระดาษหรือตัวกล่อง
ถ้าคุณต้องการระบุราคา
อย่าลืมเก็บใบเสร็จจากคนตีราคาที่เป็นที่ยอมรับไว้เผื่อว่าคุณต้องทำเรื่อง
เคลมกับบริษัทจัดส่งของ
คำแนะนำสำหรับการส่งของ
เหรียญ แสตมป์หรือจิวเวลลี่:
ควรใช้กล่องใหญ่พอสมควรเพื่อที่จะให้ของส่งได้ง่ายและประกันสินค้าตามความ
เหมาะสม การส่งจิวเวลลี่และอัญมณีข้ามประเทศอาจมีข้อจำกัดอยู่บ้าง
คุณควรตรวจสอบกับบริษัทจัดส่งของด้วย
ของสะสม เครื่องปั้นดินเผา เครื่องแก้ว:
สำหรับของที่แตกหักง่าย
กล่องใส่ด้านนอกต้องใหญ่พอโดยที่ต้องมีที่เหลือในทุกด้านอย่างน้อย 3 นิ้ว
ห่อของและแยกใส่กล่องแต่ละชิ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ของกระทบกัน
วางของในบริเวณตรงกลางของกล่องและอยู่ห่างจากตัวกล่องทุกด้านเพื่อป้องกัน
ความเสียหาย ถ้าของมีช่องว่างตรงกลางเช่นแจกัน
ให้คุณหากระดาษใส่ลงไปเพื่อทำให้ของตัน
อุปกรณ์ถ่ายภาพ อุปกรณ์ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์: ควร
จะใช้กล่องที่มาจากโรงงาน ถ้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์โผล่มาด้านนอกให้เห็น
ควรจะห่อด้วยวัสดุที่ป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ ห้ามใช้เม็ด โฟมกันกระแทก
กระดาษห่อของสีน้ำตาล แผ่นโฟม ผ้าห่อของหรือการดาษหนังสือพิมพ์
อย่าลืมประกันสินค้าตามความเหมาะสม
ผ้าและวอลล์เปเปอร์: วิธี
การส่งที่ดีที่สุดในการส่งสินค้าที่เป็นม้วนคือใช้กล่องกันกระแทก
ถ้าคุณส่งผ้าที่เป็นม้วนโดยใช้ถุง
อย่าลืมห่อและปิดเทปให้แน่นหนาเพื่อป้องกันการขาด
แปะฉลากส่งของซ้ำที่ตัวแกนกลางของม้วนหรือระหว่างชั้นบนของวัสดุ
ส่งสินค้าอย่างไรให้ประหยัดค่าใช้จ่าย
การ
ส่งของ
ค่าส่งของไปต่างประเทศอาจมีราคาสูงขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างดังนี้•
น้ำหนักและขนาดของพัสดุ • วิธีการส่ง • สถานที่ที่คุณจะไปส่งของ
(จังหวัดและประเทศ) • สถานที่ที่คุณจะส่งของไปให้ (ประเทศปลายทาง)
1. ค่าส่ง
ค่าส่งของไปต่างประเทศอาจมีราคาสูงขึ้นซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างดังนี้
- น้ำหนักและขนาดของพัสดุ
- วิธีการส่ง
- สถานที่ที่คุณจะไปส่งของ (จังหวัดและประเทศ)
- สถานที่ที่คุณจะส่งของไปให้ (ประเทศปลายทาง)
ดังนั้นราคาค่าส่งส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับ คุณส่งอะไร ไปที่ไหน และส่งแบบไหน
ค่า
ส่งจะสูงขึ้นถ้าคุณส่งไปยังต่างประเทศ
โดยปกติคนซื้อจะเป็นคนจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมต่างๆที่อาจจะมีเช่นค่าภาษีนำ
เข้า
ค่าส่งสินค้าไปต่างประเทศอาจจะรวมค่าที่คนต้องไปออกของมาจากศุลกากรและไปส่ง
ให้ที่อยู่ของลูกค้าคุณหรือไม่ก็ได้
พัสดุของคุณจะไปถึงที่อยู่ปลายทางแต่ลูกค้าของคุณอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่าย
เพิ่มเติม
บริษัทส่งของบางแห่งจะให้บริการด้านศุลกากรเพื่อที่คุณจะได้รู้ก่อนว่าคุณจะ
ต้องบอกอะไรบ้างแก่ลูกค้าคุณในเรื่องที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและ
ภาษีนำเข้า
ลูกค้าคุณอาจจะต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมถ้าเขาอยู่ในเขตที่ห่างไกลออกไป2. เวลาในการจัดส่งและบริการ
เวลา
ในการจัดส่งของระหว่างประเทศนั้นแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเทศต้นทางและปลาย
ทาง
ดังนั้นจะใช้เวลาเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณส่งของจากที่ไหนไปที่ไหนซึ่งแน่
นอนว่าจะต้องใช้เวลานานกว่าการส่งของในประเทศ
พิธีการศุลกากรจะทำให้การส่งของช้าลงถ้าพัสดุของคุณถูกตรวจสอบ
อย่าลืมกรอกเอกสารศุลกากรให้ถูกต้องเพื่อป้องกันความล่าช้า3. การประกันสินค้า
คุณ
ควรจะประกันสินค้าที่ส่งไปต่างประเทศเสมอถ้าบริษัทจัดส่งไม่รับประกันให้คุณ
อัตโนมัติ บริษัทส่งของบางแห่งรับประกันความเสียหายให้สินค้าของคุณถึง $100
โดยอัตโนมัติ (ขึ้นอยู่กับบริษัท) ถ้าของของคุณมีมูลค่ามากกว่า $100
คุณอาจจะต้องซื้อประกันเพิ่ม หมายเหตุ:
การบรรจุหีบห่อที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
ถ้าของเสียหายเนื่องมาจากการบรรจุหีบห่อที่ไม่ดี
บริษัทส่งของอาจจะไม่รับผิดชอบค่าเสียหาย
เวลาที่เลือกบริษัทส่งของคุณควรจะตรวจสอบว่าเขารับประกันสินค้าของคุณหรือ
ไม่เพราะว่าของใช้ส่วนตัวเช่น คอมพิวเตอร์ จักรยาน เสื้อผ้า อุปกรณ์ไฟฟ้า
อาจจะไม่ได้รับความคุ้มครอง4. ความยุ่งยากซับซ้อนของการส่งของระหว่างประเทศ
ของ
ทุกชิ้นที่ถูกส่งออกหรือนำเข้าต้องผ่านการดำิเนินการด้านศุลกากรก่อนที่จะ
เข้าประเทศปลายทาง มีเอกสารบางอย่างต้องใช้ในการเดินเรื่อง
กรมศุลกากรเป็นหน่วยงานรัฐบาลที่มีหน้าที่ควบคุมของที่ส่งเข้าประเทศ
ใน
ฐานะที่เป็นคนขายบนอีเบย์
คุณจะต้องเตรียมเอกสารที่ถูกต้องเพื่อที่ของที่คุณส่งจะไม่ถูกกักอยู่ที่กรม
ศุลกากรอย่างไม่มีกำหนด
บริษัทส่งของสามารถช่วยคุณในเรื่องเหล่านี้ได้ก่อนที่คุณจะส่งของหมายเหตุ:
คนขายอาจจะต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมถ้าของถูกตีกลับเพราะว่าไม่ผ่าน
ศุลกากรหรือของอาจจะถูกกักถ้าบริษัทส่งของของคุณไม่ไปเตรียมเรื่องกับกรม
ศุลกากรล่วงหน้า
(บริษัทส่งของส่วนใหญ่ให้บริการส่วนนี้อยู่แล้วโดยที่คุณไม่ต้องทำอะไร)5. บริษัทจัดส่งของในประเทศไทย
ไปรษณีย์ไทย :http://www.thailandpost.com
UPS :http://www.ups.com/content/th/en/index.jsx
FEDEX : http://fedex.com/th/
DHL :http://www.dhl.co.th/publish/th/en.high.html
หลัง
จากที่ได้กล่าวถึงขั้นตอนต่างๆเกี่ยวกับอีเบย์ ตั้งแต่สมัคร การขาย
การจ่ายเงิน-รับเงิน รวมไปถึงวิธีการส่งของไปแล้ว
เมื่อได้อ่านคงจะคิดว่าดูง่ายและไม่น่าจะมีอะไรยุ่งยาก
แต่ทางเดินก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป ถ้าเราขายของได้
แล้วลูกค้าจ่ายเงินมันคงจะไม่มีปัญหาอะไร
แต่ถ้าลูกค้าซื้อของแล้วแต่ไม่จ่ายเงิน ส่งของไปแล้วลูกไม่ได้รับของ
หรือถอนเงินอกกจากระบบPayPalไม่ได้ เป็นต้น เราจะแก้ไขปัญหาเล่านี้ยังไง
ตอนต่อไปนี้ผมจะขอกล่าวถึงปัญหาที่กล่าวมาข้างตอน
พร้อมกับแนะนำวิธีการแก้ไข
ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยตรงกับผมเอง
รวมทั้งของสมาชิกคนอื่นๆที่ได้เจอมา
-เมื่อลูกค้าซื้อของแต่ไม่จ่ายเงิน ในกรณีนี้คือลูกค้าไม่ยอมจ่ายเงิน เราสามารถส่งเรื่องไปให้อีเบย์เพื่อแจ้งว่าลูกค้าไม่จ่ายเงิน และขอเงิน Final free คืนได้
-ส่งของไปแล้วลูกค้าไม่ได้รับ
ถ้า
เราใช้บริการส่งของกับบริษัทขนส่ง ไปรษณีย์แบบลงทะเบียนหรือEMS จะมี
Tracking Number เราก็สามารถเข้าไปตรวจสอบได้สถานะได้ และตามสินค้าได้
แต่ถ้าเราส่งไปรษณีย์แบบธรรมดาหรือใช้การส่งแบบอื่นที่ไม่มี Tracking
Number เราก็ไม่สามารถตามของที่เราส่งไปได้
ในกรณีนี้เราก็ต้องทำใจอย่างเดียว
เพราะไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าของติดอยู่ที่ไหนหรือหายไปไหน
ดังนั้นจึงของแนะนำให้ส่งกับบริษัทที่เราสามารถตรวจสอบสถานะของสินค้าได้
ถ้าส่งกับไปรษณีย์แบบธรรมดาก็ใช้ลงทะเบียนเพิ่มเงินอีก 55
บาทแต่เราสามารถตรวจสอบได้
เพราะถ้าลูกค้าไม่ได้รับของเราก็มีหลักฐานในการส่งโชว์ให้ลูกค้าดูได้
และควรเก็บหลักฐานในการส่งไว้ด้วย เผื่อมีปัญหาต่อไป
ถอนเงินอกกจากระบบPayPalไม่ได้
เมื่อ
เราต้องการถอนเงินออกมาจากระบบPayPal ไม่ได้ก็มีอยู่หลายสาเหตุด้วยกัน
อาจจะเป็นเพราะPayPalขอตรวจสอบที่มาของเงิน หรือลูกค้าดึงเงินคืน
ทั้งสองกรณีนี้เราต้องส่งเอกสารและหลักฐานต่างๆในการซื้อขายในของชิ้นที่มี
ปัญหา หลักฐานการส่งของ-รับของ อีเมลที่ติดต่อกับลูกค้า
รวมถึงการแสดงหลักฐานแสดงว่าเรามีตัวตนจริง(บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต)
ส่งไปยังPayPal แล้วก็รอการตรวจสอบใช้เวลาประมาณ4-5 วันทำการ
เราก็จะสามารถถอนเงินออกมาได
ที่มา
thaiventure