มาขอแบ่งปันประสบการ์การเป็นแม่ค้าออนไลน์จะครบ 4 ปีในไม่กี่วันนี้แล้วค่ะ
จ้อยเป็นแม่ค้าออนไลด์ด้วยเหตุบังเอิญ และมีมหากาพย์ห้องแป้งทำให้คุณวรพจน์นอน ตี 3 (ฮ่าฮ่า)
และน่าจะเป็นผู้เปิดศักราชว่าบล็อกแก๊งค์คือพื้นที่ส่วนตัว
สมาชิกสามารถขายของในบล็อกได้ (ตอนนั้นจ้อยแป่ะแบรนด์เนอร์ร้านเฉยๆค่ะ)
เอาเป็นว่าขอรวบรัดตัดความตอนนี้ไป(ดีกว่า)
เน้นเนื้อๆเป็นแนวทางให้คนที่อยากมีร้านออนไลน์ลองดูเป็นกรณีศึกษานะคะ
ลักษณะของสินค้าที่จ้อยขาย
1. เป็นสินค้าที่ซื้อมาขายไป ( 10%)
2. เป็นสินค้าที่จ้างผลิต (15%)
3. เป็นสินค้าที่ผลิตเอง (75%)
แหล่งของสินค้า
1. สินค้าที่ซื้อมาขายไป
อากู๋(Google) และ Yellow Pagage ช่วยท่านได้ค่ะ หาแหล่งสินค้าที่ดีที่สุดแต่ราคาถูกที่สุด
อย่าขี้เกียจหาค่ะ ต้องหาข้อมูลเยอะๆเราถึงได้ได้ต้นทุนที่ต่ำที่สุดค่ะ
2. สินค้าที่จ้างผลิต
จ้อยเอาสิ่งที่จ้อยรู้จักดีมาก่อนอยู่แล้วมาเป็นสินค้าในร้าน จึงโชคดีที่รู้จักผู้ผลิตโดยตรงค่ะ
เนื่องจากสินค้าของจ้อยเป็นแนวธรรมชาติ จ้อยจึงต่อยอดจากสินค้า Otop ระดับ 4 – 5 ดาว
แล้วปรับปรุงพัฒนาเป็นสูตรเฉพาะเพื่อขายในแบรนด์ของเราค่ะ
3. สินค้าที่ผลิตเอง
นอกจาก อากู๋(Google) และ Yellow Pagage ที่ช่วยเราได้แล้ว
Connection ที่มีถูกงัดมาใช้หมด วงศ์วานว่านเครือ กัลยาณมิตรถูกใช้หมด(ฮ่าฮ่า) จ้อยถามค่ะจ้อยอยากได้ไอ้นี่ไอ้นั่น ใครรู้จักบ้างมั้ย
ซึ่งทำให้เราได้รู้จักคนตรงสาขาที่เราต้องการ ได้ปรึกษาได้ความรู้มากมายค่ะ
สำหรับสินค้าที่ผลิตเอง จ้อยก็ชั่งใจเราจะวาง Positioning สินค้าของเราไว้ตรงไหน เราจะมีจุดแข็งของสินค้าของเราอย่างไร
สำหรับ จ้อยจ้อยตัดสินใจเอาตัวเองเป็นมาตรฐานค่ะ เราใช้ยังไงเราก็จะทำขายอย่างนั้น ดังนั้นหากเราเอาตัวเราเป็นมาตรฐานเราย่อมอยากใช้ของที่ดีที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าต้นทุนย่อมสูงกว่าคนอื่น
แต่หลังจากที่เรารู้เขารู้เรารู้จักสินค้าของร้านอื่น เรามั่นใจว่าเรา”แตกต่าง”
และจ้อยรู้ว่าสินค้าที่จ้อยขาย แน่นอนว่านอกจากคุณภาพต้องดีแต่มีอีกอย่างหนึ่งคือ”ความพึงพอใจ”ในตัวสินค้าค่ะ
แน่นอนว่าต้นทุนจ้อยสูงกว่า แต่จ้อยคาดหวังว่าต้องมีผู้ซื้อจำนวนหนึ่งที่”ชอบเหมือนเรา”
หลังจากหาแหล่งวัตถุดิบที่อยู่ในมาตรฐานของเราแล้ว จ้อยจะมาดูเรื่องการผลิตค่ะ เนื่องจากสินค้าที่จ้อยผลิตต้องได้รับอนญาติจาก อย.
ดังนั้นจ้อยก็จำเป็นในการลงทุนเรื่องที่ผลิต อุปกรณ์การผลิตให้ได้ตามมาตรฐานของ อย. คนผลิตสบายใจคนใช้มั่นใจด้วยค่ะ
ต่อมาคือเรื่อง Packaging ค่ะ ในระแยะแรกจ้อยก็ใช้ตลับที่หาซื้อได้ทั่วไปที่หลานหลวงค่ะ
และด้วยมาตรฐานส่วนตัวอีกนั่นแหล่ะ ที่ต้องการความแตกต่าง ก็พยายามหาตลับอย่างที่เราอยากได้
งานนี้ได้กัลยาณมิตรหาโรงงานให้ได้ค่ะ แน่นอนต้นทุนสูงกว่าร้านอื่นอีกตามระเบียบ กำไรต่อหน่วยน้อยกว่าร้านอื่นอยู่แล้ว
แต่จุดมุ่งหมายของเราคือต้องดีที่สุดในมาตรฐานของเรา เราไม่ได้ต้องการแค่กำไรสูงสุด แม่เคยสอนว่า”กินคำเล็กๆอย่ากินคำโต”
ดังนั้นหากต้นทุนโดยรวมเราอาจสูงกว่าร้านอื่นแต่เป็นกำไรที่ทำให้เราอยู่ได้ และภาพลักษณ์ของสินค้าเรา”แตกต่าง”
สำหรับจ้อยจ้อยพอใจค่ะ
เปิดร้านออนไลน์แบบไหนดี
ตั้งแต่แรกถึงปัจจุบันจ้อยก็ใช้ร้านออนไลน์สำเร็จรูปนี่แหล่ะค่ะ ใช้ welove สาเหตุที่เลือกเพราะว่าเป็นร้านออนไลน์ที่ใหญ่มาก
คนขายเยอะคนซื้อก็แยะ เอามันง่ายๆก่อนดีกว่าเพราะจ้อยไม่เก่งกาจสามารถทำเวปเองได้(ในตอนนั้น)
ขอบอกว่า welove เป็นร้านออนไลน์สำเร็จรูปที่คงเส้นคงว่ามากค่ะ ล่มได้สม่ำเสมอ(ฮ่าฮ่า)
แต่ตอนนี้ร้านของจ้อยเติบโตไปได้ด้วยดีมากๆ จ้อยเห็นว่าเราต้องโตขึ้นเป็นมืออาชีพมากขึ้น
ตอนนี้กำลังทำเวปใหม่เป็นของตัวเอง เช่าโฮสเอง คงจะได้ย้ายในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้แล้ว
แต่ถึงจะย้ายมีเวปเป็นของตัวเอง จ้อยก็ยังจำเป็นต้องเช่า welove ต่อไปเหมือนเดิมค่ะ
แต่เช่าแพคเกตที่ถูกที่สุด เหมือนว่าถึงเราจะย้ายบ้านก็ต้องติดประกาศที้บ้านเดิมว่าบ้านใหม่เราอยู่ตรงไหนค่ะ
PR
ตอนทำร้านใหม่ๆจ้อยไปแป่ะประชาสัมพันธ์สินค้าของเราตามฟรีเวบบอร์ดที่เค้าให้เราแปะฟรีได้ค่ะ
จ้อยไม่ได้ทำ SEO เพราะโชคดีที่สินค้าที่จ้อยขายมีน้อยรายและบางประเภทจ้อยเป็นผู้ขายรายเดียวในประเทศ ก็เลยโชคดีไป
แต่ตอนนี้ Social networking มาแรง จ้อยมีแผนในการโปรโมทที่ Twitter , Facebook ค่ะ
โดยให้ระบบของเวปใหม่เชื่อมต่อไปยัง Twitter , Facebook ได้ด้วย
สำหรับ Facebook ก็ศึกษาการลง App ต่างๆเพื่อให้ Facebook เราแตกต่างเป็นที่น่าสนใจค่ะ
จัดกิจกรรมใน Facebook เล่นเกมแจกของมั่ง น่าจะดีค่ะ เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้ลูกค้าติดต่อเราได้ใกล้ชิดขึ้น
เพิ่มเติม
เวปใหม่จะสามารถแป่ะคลิปจากยูทูปได้ด้วย
ตอนนี้จ้อยเปิด Channel ในยูทูปแล้ว จะเริ่มทะยอยทำคลิปเพื่อส่งสริมการขายค่ะ
การขาย
Service mind
สำหรับผู้ที่จะลงมาเป็นแม่ค้าพ่อค้า ไม่ว่าจะสมัครเล่นหรือเอาจริง ขอให้ยึดคำนี้ไว้เลย “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” “ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน”
สำหรับการขายออนไลน์มีความซับซ้อนจะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยาก เนื่องจากลูกค้าไม่ได้สัมผัสเห็นของจริง
ดังนั้นการ”สื่อสาร”จึงสำคัญมากค่ะ ไม่ว่าจะตอบทาง Webboard การตอบเมล์ การตอบทางโทรศัพท์
ถ้ารักจะขายก็ต้องอดทนและใจเย็น เพราะคุณจะเจอลูกค้า(และหากซวยคุณจะเจอมิจฉาชีพด้วย)ทุกรูปแบบ
สำหรับจ้อยถือคติว่า “จะไม่เหวี่ยงใส่ลูกค้าไม่ว่ากรณีใดๆ” “ไม่เป็นไรค่ะ””ขอโทษค่ะ” จ้อยว่าความจริงใจและความนุ่มนวลดีที่สุด
ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จำทำร้ายคนอื่นด้วยคำพูดเพื่อความสะใจ มธุรสวาจาที่มาจากความจริงใจไม่ต้องซื้อแต่มูลค่าสูงลิบ
แค่เอาใจเขามาใส่ใจเราว่าหากเราเป็นผู้ซื้อเราอยากเจอผู้ขายอย่างไร ครั้นพอเรามาเป็นผู้ขายก็จงเป็นผู้ขายแบบที่เราเคยอยากเจอ
จ้อยเชื่อของจ้อยอย่างนึง(ซึ่งแปลกแต่จริง)ว่าพอเราเป็นผู้ซื้อที่ไม่เรื่องมากกับ Supplier เราก็มักจะเจอลูกค้าดีๆเหมือนกันแฮะ
Transport
เนื่องจากการขายออนไลน์เราต้องพึ่งบริการของพี่ ปณ.
ดังนั้นแม่ค้าออนไลน์ต้องเรียนรู้การแพคของส่งที่จะทำให้สินค้าเราบุบสลายน้อยที่สุด
อยากช่วยลดโลกร้อนเหมือนกันค่ะ แต่ว่าในบางเรื่องยังจำเป็นต้องรักษาคุณภาพการบริการ
เช่น ในการแพคสินค้าสำหรับจ้อยจ้อยจะเอาสินค้าใส่ถุงพลาสติคก่อน 1 ชั้น ห่อบัปเปิ้ลห่อมันเข้าไปอย่าได้เขียม แล้วใส่ถุงพลาสติคกันฝนอีก 1 รอบ
หาก ใส่กล่องต้องเอาถุงพลาสติคห่อสินค้ากันหมึกจากหนังสือพิมพ์เปื่อนใส่ก่อน 1 ชั้น แล้วใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ขยุ้มใส่ลงไปไม่ให้สินค้ากลิ้งไปมาได้
หากเป็นสินค้าขวดแก้วคอคอด ให้พันคอขวดด้วยกระดาษให้มีขนาดเท่าขวดจะห้องการคอขวดแตกหักได้ เป็นต้น
แล้วจ้อยค่อยไปช่วยลดโลกร้อนด้วยการใช้กระดาษ Reused ในการพิมพ์ใบสั่งของของลูกค้าแทนค่ะ
Term&Condition
จ้อยว่าจ้อยเป็นร้านออนไลน์ที่แจ้งเงื่อนไขต่างๆไว้เยอะมาก - -“
เช่น จะส่งของวันไหนบ้าง กรณีที่สินค้าหมดจ้อยยืนดีคืนเงินให้หรือให้เลือกสินค้าในราคาเท่ากันหรือสูงกว่าแล้วแต่กรณีไป
หรือ เรื่องความรับผิดชอบก็บอกไว้ค่อนข้างละเอียด เช่น หากลูกค้าเลือกส่งแบบอีเอ็มเอสแล้วเราดันส่งแบบลงทะเบียน
จ้อยจะรับผิดชอบด้วยการยินดีโอนเงินให้ 15 บาท(ร้านจ้อยส่งลงทะเบียนคิด 30 บาท ส่งอีเอ็มเอส 45 บาทค่ะ)
หรือให้ลูกค้าเลือกให้ส่งฟรีแบบลงทะเบียนฟรีในการสั่งของครั้งต่อไป เป็นต้น
จ้อยว่าเราเขียนมันชัดๆตรงๆให้ลูกค้ารับทราบนี่แหล่ะดีที่สุดๆ
เป็นเงื่อนไขที่แสดงความรับผิดชอบเต็มที่ของเราโดยไม่เอาเปรียบลูกค้า วินวินกันทั้งคนขายสบายใจคนซื้อค่ะ
รับมือมิจฉาชีพพอสังเขป
1. อย่าส่งของเพราะแค่ลูกค้าแจ้งโอนเงินทางโทรศัพท์ โดยที่ไม่ได้เช็คยอดว่ามีเงินเข้าจริงๆรึปล่าว
อย่าเชื่อใบแสกน อย่าเชื่อแคปเจอร์การโอนออนไลน์ ต้องเช็คและเห็นยอดเงินเท่านั้น
เดี๋ยวนี้หลายแบงค์มีบริการ sms alert เช่น scb คิดค่าบริการปีละ 99 บาท
เอาน่ากำไรไม่ได้ลดลงจนเราล่มจมหรอกค่ะ สมัครโล่ด
2. ให้ลูกค้าเก็บหลักฐานการโอนและเก็บรายละเอียดการโอนบางอย่างไว้ อย่าได้โพสแจ้งที่ WB มาทั้งหมด
เช่น ให้ลูกค้าเก็บสาขาและเวลาที่โอนไว้ อย่าได้โพสแจ้งโอนแบบใส่รายละเอียดแบบจัดหนักครบมาเลย
เพราะกรณีที่มีคนแจ้งโอนซ้ำซ้อนแต่ยอดโอนมาเพียงยอดเดียว
เราจะได้โทรกลับไปสอบถามรายละเอียดการโอนเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของเงินที่แท้จริงได้
3. หากมีการนัดรับของ ให้จ่ายแบบแฮนด์ทูแฮนด์ มาจ่ายกันตอนรับของได้เลย
คนขายสบายใจดี คนซื้อไม่ต้องไปเสียเวลาโอนก่อน
ถ้าจ่ายมาด้วยการโอนทางธนาคาร ขอส่งให้ทาง ปณ.สถานเดียว
หรือหากโอนมาแล้วแต่ต้องการแวะมารับเอง แจ้งลูกค้าไปเลยว่าตอนมารับของ นอกจากหลักฐานการโอนแล้วเราขอดูและถ่ายสำเนาบัตรประชาชน
และขอถ่ายรูปคู่ด้วย ถ้าลูกค้าโอเคเราก็โอเค
ให้พิจารณาและตกลงกับลูกค้าเป็นกรณีๆไปนะคะ
อันนี้จ้อยไม่เคยเจอค่ะ แต่ว่าหลานจ้อยเคยเจอค่ะ
หลานจ้อยขายสินค้าที่ต่อชิ้นมูลค่าสูงหลักหลายพัน
ที่เจอมาคือลูกค้ามาซื้อแว่นตาเรย์แบนราคา 7500 บาท แต่โอนเงินมา หมื่นกว่าๆ
ซึ่งดูผิดปกติมาก แล้วลูกค้าบอกว่าบังเอิญแวะมาแถวที่ทำงานของหลานขอแวะรับของเลย
หลานจ้อยก็แจ้งว่างั้นรบกวนขอสลิปใบโอนเงินด้วยพร้อมขออนุญาตสำเนาบัตรประชาชนไว้
ทางนั้นก็บ่ายเบี่ยงบอกว่าสลิปเงินโอนหายแล้ว หลานจ้อยก็บอกว่ารบกวนอัพบุ๊คมาให้ดูก็ได้
ทางนั้นก็บอกว่าไม่สะดวกไปแบงค์ หลายจ้อยบอกว่างั้นมาอัพแถวที่ทำงานได้ค่ะ เพราะมีธนาคารย่อยใกล้ที่ทำงาน
ทางนั้นก็บ่ายเบี่ยงอีกว่าบุ๊คอยู่บ้าน ตอนนี้อยู่คอนโดไม่สะดวก บัตรประชาชนอยู่บ้าน บราๆๆๆ
สรุปว่าหลานจ้อยบอกงั้นขออนุญาตนัดรับของที่สถานีตำรวจนะคะ ขอลงบันทึกประจำวันค่ะ
เท่านั้นแล ด่ากราดมาเป็นชุด บอกว่าจะไปประจานที่เวป
หลานจ้อยก็ยืนยันว่าถ้านัดรับของและขอเงินส่วนเกินคืนถ้าไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันเลย
ขอนัดส่งมอบของและเงินส่วนเกินที่สถานีตำรวจเท่านั้น
มัน(คาดว่าเป็นมิจฉาชีพ)ก็โทรมาข่มขู่ 2-3 ครั้ง ว่ารู้นะว่าอยู่แถวไหน จะไปดักตบ
หลานจ้อยเลยไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน แล้วเผอิญตอนที่อยู่โรงพักมันโทรมาพอดี เลยได้พูดกับร้อยเวร(ฮ่าฮ่า)
แล้วอีกประมาณ 1 เดือน ก็มีธนาคารติดต่อมาว่ามีเจ้าของเงินตัวจริงติดต่อมาค่ะ
4 . กรณีที่มีการโอนยอดเงินที่ซื้อมา เกินมาก ผิดปกติ แล้วลูกค้าขอเงินส่วนเกินคืน เรายินดีคืนเงินให้
โดยหากอยากได้เงินคืนเป็นเงินสดก็เจอกันได้ที่โรงพัก และขอให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และรบกวนนำหลักฐานการโอนเงินมาด้วย
หากจะให้เราโอนเงินคืนให้ ก็ขอให้แสกนสลิปการโอน แจ้งรายละเอียด ชื่อเจ้าของ บ/ช ธนาคารที่โอน เวลาที่โอนมาด้วย
เราเอาไปตรวจสอบกับธนาคารได้ค่ะ
และขอสำเนาบัตร ปชช. เพราะเราขอไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานก่อน และจะโอนคืนให้เจ้าของ บ/ชที่โอนมาเท่านั้น
ที่มา pantip
หมวดหมู่ของบทความ
การโดนลิมิต
(16)
การถ่ายรูปสินค้า
(5)
การลิสต์สินค้า
(12)
การส่งสินค้า
(23)
เกี่ยวกับร้านค้า store
(3)
เกี่ยวกับลูกค้า
(14)
ค่าธรรมเนียม
(7)
ซื้อของอีเบย์
(11)
ทั่วไปเกี่ยวกับอีเบย์
(29)
ทำความรู้จักกับอีเบย์
(12)
ประกาศจากอีเบย์
(9)
ปัญหาทั่วไป
(10)
เผยเทคนิคอีเบย์
(23)
เพพาล PayPal
(13)
มือใหม่
(13)
แม่แบบจดหมาย
(23)
เริ่มต้นธุรกิจแบบมืออาชีพ
(15)
สมัครเป็นคนขาย
(1)
ไอเดียขายสินค้า
(16)
amazon
(15)
etsy
(5)
feedback และ DSR
(14)
MC code แบบต่างๆ
(4)