ทักทายกันหน่อย

สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่เวบไซต์ Thai ebaY Articles ผมตั้งใจทำเวบนี้ขึ้นมาเพื่อรวมรวบสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับอีเบย์ให้อ่านง่ายขึ้นครับ ... ขอบคุณครับ

23 มิถุนายน 2554

-- แบ่งปันประสบการณ์การเป็นแม่ค้าออนไลน์ค่ะ --

มาขอแบ่งปันประสบการ์การเป็นแม่ค้าออนไลน์จะครบ 4 ปีในไม่กี่วันนี้แล้วค่ะ
จ้อยเป็นแม่ค้าออนไลด์ด้วยเหตุบังเอิญ และมีมหากาพย์ห้องแป้งทำให้คุณวรพจน์นอน ตี 3 (ฮ่าฮ่า)

และน่าจะเป็นผู้เปิดศักราชว่าบล็อกแก๊งค์คือพื้นที่ส่วนตัว
สมาชิกสามารถขายของในบล็อกได้ (ตอนนั้นจ้อยแป่ะแบรนด์เนอร์ร้านเฉยๆค่ะ)

เอาเป็นว่าขอรวบรัดตัดความตอนนี้ไป(ดีกว่า)
เน้นเนื้อๆเป็นแนวทางให้คนที่อยากมีร้านออนไลน์ลองดูเป็นกรณีศึกษานะคะ

ลักษณะของสินค้าที่จ้อยขาย
1. เป็นสินค้าที่ซื้อมาขายไป ( 10%)
2. เป็นสินค้าที่จ้างผลิต (15%)
3. เป็นสินค้าที่ผลิตเอง (75%)

แหล่งของสินค้า
1. สินค้าที่ซื้อมาขายไป
อากู๋(Google) และ Yellow Pagage ช่วยท่านได้ค่ะ หาแหล่งสินค้าที่ดีที่สุดแต่ราคาถูกที่สุด
อย่าขี้เกียจหาค่ะ ต้องหาข้อมูลเยอะๆเราถึงได้ได้ต้นทุนที่ต่ำที่สุดค่ะ

2. สินค้าที่จ้างผลิต
จ้อยเอาสิ่งที่จ้อยรู้จักดีมาก่อนอยู่แล้วมาเป็นสินค้าในร้าน จึงโชคดีที่รู้จักผู้ผลิตโดยตรงค่ะ
เนื่องจากสินค้าของจ้อยเป็นแนวธรรมชาติ จ้อยจึงต่อยอดจากสินค้า Otop ระดับ 4 – 5 ดาว
แล้วปรับปรุงพัฒนาเป็นสูตรเฉพาะเพื่อขายในแบรนด์ของเราค่ะ

3. สินค้าที่ผลิตเอง
นอกจาก อากู๋(Google) และ Yellow Pagage ที่ช่วยเราได้แล้ว
Connection ที่มีถูกงัดมาใช้หมด วงศ์วานว่านเครือ กัลยาณมิตรถูกใช้หมด(ฮ่าฮ่า) จ้อยถามค่ะจ้อยอยากได้ไอ้นี่ไอ้นั่น ใครรู้จักบ้างมั้ย
ซึ่งทำให้เราได้รู้จักคนตรงสาขาที่เราต้องการ ได้ปรึกษาได้ความรู้มากมายค่ะ

สำหรับสินค้าที่ผลิตเอง จ้อยก็ชั่งใจเราจะวาง Positioning สินค้าของเราไว้ตรงไหน เราจะมีจุดแข็งของสินค้าของเราอย่างไร
สำหรับ จ้อยจ้อยตัดสินใจเอาตัวเองเป็นมาตรฐานค่ะ เราใช้ยังไงเราก็จะทำขายอย่างนั้น ดังนั้นหากเราเอาตัวเราเป็นมาตรฐานเราย่อมอยากใช้ของที่ดีที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าต้นทุนย่อมสูงกว่าคนอื่น
แต่หลังจากที่เรารู้เขารู้เรารู้จักสินค้าของร้านอื่น เรามั่นใจว่าเรา”แตกต่าง”
และจ้อยรู้ว่าสินค้าที่จ้อยขาย แน่นอนว่านอกจากคุณภาพต้องดีแต่มีอีกอย่างหนึ่งคือ”ความพึงพอใจ”ในตัวสินค้าค่ะ
แน่นอนว่าต้นทุนจ้อยสูงกว่า แต่จ้อยคาดหวังว่าต้องมีผู้ซื้อจำนวนหนึ่งที่”ชอบเหมือนเรา”

หลังจากหาแหล่งวัตถุดิบที่อยู่ในมาตรฐานของเราแล้ว จ้อยจะมาดูเรื่องการผลิตค่ะ เนื่องจากสินค้าที่จ้อยผลิตต้องได้รับอนญาติจาก อย.
ดังนั้นจ้อยก็จำเป็นในการลงทุนเรื่องที่ผลิต อุปกรณ์การผลิตให้ได้ตามมาตรฐานของ อย. คนผลิตสบายใจคนใช้มั่นใจด้วยค่ะ

ต่อมาคือเรื่อง Packaging ค่ะ ในระแยะแรกจ้อยก็ใช้ตลับที่หาซื้อได้ทั่วไปที่หลานหลวงค่ะ
และด้วยมาตรฐานส่วนตัวอีกนั่นแหล่ะ ที่ต้องการความแตกต่าง ก็พยายามหาตลับอย่างที่เราอยากได้
งานนี้ได้กัลยาณมิตรหาโรงงานให้ได้ค่ะ แน่นอนต้นทุนสูงกว่าร้านอื่นอีกตามระเบียบ กำไรต่อหน่วยน้อยกว่าร้านอื่นอยู่แล้ว
แต่จุดมุ่งหมายของเราคือต้องดีที่สุดในมาตรฐานของเรา เราไม่ได้ต้องการแค่กำไรสูงสุด แม่เคยสอนว่า”กินคำเล็กๆอย่ากินคำโต”
ดังนั้นหากต้นทุนโดยรวมเราอาจสูงกว่าร้านอื่นแต่เป็นกำไรที่ทำให้เราอยู่ได้ และภาพลักษณ์ของสินค้าเรา”แตกต่าง”
สำหรับจ้อยจ้อยพอใจค่ะ

เปิดร้านออนไลน์แบบไหนดี
ตั้งแต่แรกถึงปัจจุบันจ้อยก็ใช้ร้านออนไลน์สำเร็จรูปนี่แหล่ะค่ะ ใช้ welove สาเหตุที่เลือกเพราะว่าเป็นร้านออนไลน์ที่ใหญ่มาก
คนขายเยอะคนซื้อก็แยะ เอามันง่ายๆก่อนดีกว่าเพราะจ้อยไม่เก่งกาจสามารถทำเวปเองได้(ในตอนนั้น)
ขอบอกว่า welove เป็นร้านออนไลน์สำเร็จรูปที่คงเส้นคงว่ามากค่ะ ล่มได้สม่ำเสมอ(ฮ่าฮ่า)

แต่ตอนนี้ร้านของจ้อยเติบโตไปได้ด้วยดีมากๆ จ้อยเห็นว่าเราต้องโตขึ้นเป็นมืออาชีพมากขึ้น
ตอนนี้กำลังทำเวปใหม่เป็นของตัวเอง เช่าโฮสเอง คงจะได้ย้ายในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้แล้ว
แต่ถึงจะย้ายมีเวปเป็นของตัวเอง จ้อยก็ยังจำเป็นต้องเช่า welove ต่อไปเหมือนเดิมค่ะ
แต่เช่าแพคเกตที่ถูกที่สุด เหมือนว่าถึงเราจะย้ายบ้านก็ต้องติดประกาศที้บ้านเดิมว่าบ้านใหม่เราอยู่ตรงไหนค่ะ


PR
ตอนทำร้านใหม่ๆจ้อยไปแป่ะประชาสัมพันธ์สินค้าของเราตามฟรีเวบบอร์ดที่เค้าให้เราแปะฟรีได้ค่ะ
จ้อยไม่ได้ทำ SEO เพราะโชคดีที่สินค้าที่จ้อยขายมีน้อยรายและบางประเภทจ้อยเป็นผู้ขายรายเดียวในประเทศ ก็เลยโชคดีไป

แต่ตอนนี้ Social networking มาแรง จ้อยมีแผนในการโปรโมทที่ Twitter , Facebook ค่ะ
โดยให้ระบบของเวปใหม่เชื่อมต่อไปยัง Twitter , Facebook ได้ด้วย
สำหรับ Facebook ก็ศึกษาการลง App ต่างๆเพื่อให้ Facebook เราแตกต่างเป็นที่น่าสนใจค่ะ
จัดกิจกรรมใน Facebook เล่นเกมแจกของมั่ง น่าจะดีค่ะ เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้ลูกค้าติดต่อเราได้ใกล้ชิดขึ้น
เพิ่มเติม
เวปใหม่จะสามารถแป่ะคลิปจากยูทูปได้ด้วย
ตอนนี้จ้อยเปิด Channel ในยูทูปแล้ว จะเริ่มทะยอยทำคลิปเพื่อส่งสริมการขายค่ะ

การขาย
Service mind
สำหรับผู้ที่จะลงมาเป็นแม่ค้าพ่อค้า ไม่ว่าจะสมัครเล่นหรือเอาจริง ขอให้ยึดคำนี้ไว้เลย “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” “ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน”
สำหรับการขายออนไลน์มีความซับซ้อนจะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยาก เนื่องจากลูกค้าไม่ได้สัมผัสเห็นของจริง
ดังนั้นการ”สื่อสาร”จึงสำคัญมากค่ะ ไม่ว่าจะตอบทาง Webboard การตอบเมล์ การตอบทางโทรศัพท์
ถ้ารักจะขายก็ต้องอดทนและใจเย็น เพราะคุณจะเจอลูกค้า(และหากซวยคุณจะเจอมิจฉาชีพด้วย)ทุกรูปแบบ
สำหรับจ้อยถือคติว่า “จะไม่เหวี่ยงใส่ลูกค้าไม่ว่ากรณีใดๆ” “ไม่เป็นไรค่ะ””ขอโทษค่ะ” จ้อยว่าความจริงใจและความนุ่มนวลดีที่สุด
ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จำทำร้ายคนอื่นด้วยคำพูดเพื่อความสะใจ มธุรสวาจาที่มาจากความจริงใจไม่ต้องซื้อแต่มูลค่าสูงลิบ
แค่เอาใจเขามาใส่ใจเราว่าหากเราเป็นผู้ซื้อเราอยากเจอผู้ขายอย่างไร ครั้นพอเรามาเป็นผู้ขายก็จงเป็นผู้ขายแบบที่เราเคยอยากเจอ
จ้อยเชื่อของจ้อยอย่างนึง(ซึ่งแปลกแต่จริง)ว่าพอเราเป็นผู้ซื้อที่ไม่เรื่องมากกับ Supplier เราก็มักจะเจอลูกค้าดีๆเหมือนกันแฮะ


Transport
เนื่องจากการขายออนไลน์เราต้องพึ่งบริการของพี่ ปณ.
ดังนั้นแม่ค้าออนไลน์ต้องเรียนรู้การแพคของส่งที่จะทำให้สินค้าเราบุบสลายน้อยที่สุด
อยากช่วยลดโลกร้อนเหมือนกันค่ะ แต่ว่าในบางเรื่องยังจำเป็นต้องรักษาคุณภาพการบริการ
เช่น ในการแพคสินค้าสำหรับจ้อยจ้อยจะเอาสินค้าใส่ถุงพลาสติคก่อน 1 ชั้น ห่อบัปเปิ้ลห่อมันเข้าไปอย่าได้เขียม แล้วใส่ถุงพลาสติคกันฝนอีก 1 รอบ
หาก ใส่กล่องต้องเอาถุงพลาสติคห่อสินค้ากันหมึกจากหนังสือพิมพ์เปื่อนใส่ก่อน 1 ชั้น แล้วใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ขยุ้มใส่ลงไปไม่ให้สินค้ากลิ้งไปมาได้
หากเป็นสินค้าขวดแก้วคอคอด ให้พันคอขวดด้วยกระดาษให้มีขนาดเท่าขวดจะห้องการคอขวดแตกหักได้ เป็นต้น
แล้วจ้อยค่อยไปช่วยลดโลกร้อนด้วยการใช้กระดาษ Reused ในการพิมพ์ใบสั่งของของลูกค้าแทนค่ะ

Term&Condition
จ้อยว่าจ้อยเป็นร้านออนไลน์ที่แจ้งเงื่อนไขต่างๆไว้เยอะมาก - -“
เช่น จะส่งของวันไหนบ้าง กรณีที่สินค้าหมดจ้อยยืนดีคืนเงินให้หรือให้เลือกสินค้าในราคาเท่ากันหรือสูงกว่าแล้วแต่กรณีไป
หรือ เรื่องความรับผิดชอบก็บอกไว้ค่อนข้างละเอียด เช่น หากลูกค้าเลือกส่งแบบอีเอ็มเอสแล้วเราดันส่งแบบลงทะเบียน
จ้อยจะรับผิดชอบด้วยการยินดีโอนเงินให้ 15 บาท(ร้านจ้อยส่งลงทะเบียนคิด 30 บาท ส่งอีเอ็มเอส 45 บาทค่ะ)
หรือให้ลูกค้าเลือกให้ส่งฟรีแบบลงทะเบียนฟรีในการสั่งของครั้งต่อไป เป็นต้น
จ้อยว่าเราเขียนมันชัดๆตรงๆให้ลูกค้ารับทราบนี่แหล่ะดีที่สุดๆ
เป็นเงื่อนไขที่แสดงความรับผิดชอบเต็มที่ของเราโดยไม่เอาเปรียบลูกค้า วินวินกันทั้งคนขายสบายใจคนซื้อค่ะ

รับมือมิจฉาชีพพอสังเขป
1. อย่าส่งของเพราะแค่ลูกค้าแจ้งโอนเงินทางโทรศัพท์ โดยที่ไม่ได้เช็คยอดว่ามีเงินเข้าจริงๆรึปล่าว
อย่าเชื่อใบแสกน อย่าเชื่อแคปเจอร์การโอนออนไลน์ ต้องเช็คและเห็นยอดเงินเท่านั้น
เดี๋ยวนี้หลายแบงค์มีบริการ sms alert เช่น scb คิดค่าบริการปีละ 99 บาท
เอาน่ากำไรไม่ได้ลดลงจนเราล่มจมหรอกค่ะ สมัครโล่ด

2. ให้ลูกค้าเก็บหลักฐานการโอนและเก็บรายละเอียดการโอนบางอย่างไว้ อย่าได้โพสแจ้งที่ WB มาทั้งหมด
เช่น ให้ลูกค้าเก็บสาขาและเวลาที่โอนไว้ อย่าได้โพสแจ้งโอนแบบใส่รายละเอียดแบบจัดหนักครบมาเลย
เพราะกรณีที่มีคนแจ้งโอนซ้ำซ้อนแต่ยอดโอนมาเพียงยอดเดียว
เราจะได้โทรกลับไปสอบถามรายละเอียดการโอนเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของเงินที่แท้จริงได้

3. หากมีการนัดรับของ ให้จ่ายแบบแฮนด์ทูแฮนด์ มาจ่ายกันตอนรับของได้เลย
คนขายสบายใจดี คนซื้อไม่ต้องไปเสียเวลาโอนก่อน
ถ้าจ่ายมาด้วยการโอนทางธนาคาร ขอส่งให้ทาง ปณ.สถานเดียว
หรือหากโอนมาแล้วแต่ต้องการแวะมารับเอง แจ้งลูกค้าไปเลยว่าตอนมารับของ นอกจากหลักฐานการโอนแล้วเราขอดูและถ่ายสำเนาบัตรประชาชน
และขอถ่ายรูปคู่ด้วย ถ้าลูกค้าโอเคเราก็โอเค

ให้พิจารณาและตกลงกับลูกค้าเป็นกรณีๆไปนะคะ
อันนี้จ้อยไม่เคยเจอค่ะ แต่ว่าหลานจ้อยเคยเจอค่ะ
หลานจ้อยขายสินค้าที่ต่อชิ้นมูลค่าสูงหลักหลายพัน
ที่เจอมาคือลูกค้ามาซื้อแว่นตาเรย์แบนราคา 7500 บาท แต่โอนเงินมา หมื่นกว่าๆ
ซึ่งดูผิดปกติมาก แล้วลูกค้าบอกว่าบังเอิญแวะมาแถวที่ทำงานของหลานขอแวะรับของเลย
หลานจ้อยก็แจ้งว่างั้นรบกวนขอสลิปใบโอนเงินด้วยพร้อมขออนุญาตสำเนาบัตรประชาชนไว้
ทางนั้นก็บ่ายเบี่ยงบอกว่าสลิปเงินโอนหายแล้ว หลานจ้อยก็บอกว่ารบกวนอัพบุ๊คมาให้ดูก็ได้
ทางนั้นก็บอกว่าไม่สะดวกไปแบงค์ หลายจ้อยบอกว่างั้นมาอัพแถวที่ทำงานได้ค่ะ เพราะมีธนาคารย่อยใกล้ที่ทำงาน
ทางนั้นก็บ่ายเบี่ยงอีกว่าบุ๊คอยู่บ้าน ตอนนี้อยู่คอนโดไม่สะดวก บัตรประชาชนอยู่บ้าน บราๆๆๆ
สรุปว่าหลานจ้อยบอกงั้นขออนุญาตนัดรับของที่สถานีตำรวจนะคะ ขอลงบันทึกประจำวันค่ะ
เท่านั้นแล ด่ากราดมาเป็นชุด บอกว่าจะไปประจานที่เวป
หลานจ้อยก็ยืนยันว่าถ้านัดรับของและขอเงินส่วนเกินคืนถ้าไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันเลย
ขอนัดส่งมอบของและเงินส่วนเกินที่สถานีตำรวจเท่านั้น
มัน(คาดว่าเป็นมิจฉาชีพ)ก็โทรมาข่มขู่ 2-3 ครั้ง ว่ารู้นะว่าอยู่แถวไหน จะไปดักตบ
หลานจ้อยเลยไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน แล้วเผอิญตอนที่อยู่โรงพักมันโทรมาพอดี เลยได้พูดกับร้อยเวร(ฮ่าฮ่า)
แล้วอีกประมาณ 1 เดือน ก็มีธนาคารติดต่อมาว่ามีเจ้าของเงินตัวจริงติดต่อมาค่ะ

4 . กรณีที่มีการโอนยอดเงินที่ซื้อมา เกินมาก ผิดปกติ แล้วลูกค้าขอเงินส่วนเกินคืน เรายินดีคืนเงินให้
โดยหากอยากได้เงินคืนเป็นเงินสดก็เจอกันได้ที่โรงพัก และขอให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และรบกวนนำหลักฐานการโอนเงินมาด้วย

หากจะให้เราโอนเงินคืนให้ ก็ขอให้แสกนสลิปการโอน แจ้งรายละเอียด ชื่อเจ้าของ บ/ช ธนาคารที่โอน เวลาที่โอนมาด้วย
เราเอาไปตรวจสอบกับธนาคารได้ค่ะ
และขอสำเนาบัตร ปชช. เพราะเราขอไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานก่อน และจะโอนคืนให้เจ้าของ บ/ชที่โอนมาเท่านั้น

ที่มา pantip