การพัฒนาของระบบการให้บริการผ่านโม บายที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมของผู้ใช้บริการ ได้มีส่วนช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าและการเติบโตทางธุรกิจของผู้ ประกอบการที่ให้บริการระบบการชำระเงินผ่านทางออนไลน์ ที่ชื่อ เพย์พาล (Paypal) ธุรกิจในเครือข่ายของอีเบย์ eBay ที่ทำธุรกิจให้บริการซื้อขายสินค้าสารพัดผ่านระบบการประมูลทางออนไลน์ จนมีขนาดการประกอบการใหญ่ที่สุดในโลกขณะนี้
เพย์พาลทำหน้าที่หลักในการช่วยสนับสนุนให้ ผู้ที่ขายและซื้อสินค้าและบริการทางออนไลน์สามารถจ่ายเงินและโอนเงินผ่านทาง อินเทอร์เน็ตได้ เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2541 โดยในตอนนั้นมีฐานะเป็นส่วนหนึ่งของร้านค้าตลาดออนไลน์อีเบย์
ในราวปลายปี 2545 เพย์พาลได้ปรับขยายการดำเนินงานเป็นระบบการชำระเงินระหว่างผู้ซื้อขายที่ทำ หน้าที่แทนการชำระด้วยเงินสด เช็ค หรือบัตรเครดิต โดยเพย์พาลมีรายได้ในรูปค่าบริการในการจัดระบบการชำระเงินทางออนไลน์ไว้ให้ ลูกค้า และอีเบย์ได้เข้าไปทำการซื้อกิจการของเพย์พาลและเป็นผู้ถือหุ้น 100% จนปัจจุบัน
เมื่อพูดถึงธุรกิจระบบการชำระเงินบนตลาดออนไลน์ หลายคนคิดว่าคงเป็นกิจการเล็กๆ ทำหน้าที่สนับสนุนการซื้อขายของตลาดออนไลน์
แต่ในความเป็นจริง การเติบโตของวิธีการชำระเงินผ่านทางตลาดออนไลน์ด้วยการซื้อขายผ่านระบบนี้ มีแนวโน้มว่าจะไม่ได้จำกัดอยู่แต่เฉพาะอินเทอร์เน็ตอีกต่อไป หากแต่มีแนวโน้มว่าลูกค้าและผู้ใช้บริการของระบบการชำระเงินจะเพิ่มการใช้ บริการผ่านทางโมบายมากขึ้น และยังทำท่าจะเติบโตในช่องทางใหม่นี้อย่างรวดเร็วเกินความคาดหมายเสียด้วย
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของการซื้อขายผ่านการชำระเงินทางโมบายจะเริ่มจริงในปีหน้า เป็นต้นไป
ที่น่าสนใจคือที่ผ่านมา เพย์พาลได้รับการโหวตให้เป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือมากที่สุดในธุรกิจ นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการดูแลข้อมูลทางการเงินส่วนบุคคลให้มีความปลอดภัย ถูกต้อง แม่นยำในการโอนเงิน จนสามารถแฮกได้ยากมาก
การโหวตที่ว่านี้มาจากลูกค้าที่ใช้บริการในตลาดหลักๆ ในโลกถึง 9 ตลาด ย่อมแสดงถึงความได้เปรียบด้านการแข่งขันของเพย์พาลที่เพิ่มขึ้นมาก
จุดที่น่าสนใจทางการตลาดในความสำเร็จด้านการให้บริการระบบการชำระเงินทางออ นไลน์ในส่วนของเอกชน และกำลังก้าวออกไปถึงการชำระเงินผ่านโมบาย มีหลายประการ
ประการแรก ในบรรดาผู้ประกอบการที่ให้บริการทางการเงินด้วยระบบการชำระเงินค่าซื้อขาย สินค้าทางออนไลน์นี้ มีแบรนด์เก่าแก่และชื่อเสียงติดหูติดปากของผู้ใช้บริการอยู่ด้วยกันหลายราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรนด์วีซ่าและมาสเตอร์การ์ด
ขณะเดียวกันก็ยังมีแบรนด์ใหม่ๆ รายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นและได้รับความน่าเชื่อถือในระดับต้นๆ อีก เช่น แอปเปิล ซึ่งพัฒนาระบบการชำระเงินเพื่อดูแลลูกค้าที่ใช้บริการร้าน “ไอจูนส์” สโตร์ และยังมีโนเกียและซัมซุงที่ไม่น้อยหน้าในการให้บริการด้านนี้
โดยปรกติ การจะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่เชื่อถือโดยเฉพาะด้านเงินๆ ทองๆ อย่างระบบการชำระเงินทางออนไลน์ ระดับโลกไม่ง่ายดายนัก และที่ผ่านมาแต่ละแบรนด์ต้องใช้ความพยายามและใช้เวลามากมาย
แต่ในกรณีของเพย์พาล ผู้ใช้บริการกลับให้ความไว้วางใจกับแบรนด์นี้อย่างรวดเร็ว ทั้งที่เพย์พาลเพิ่งจะดำเนินงานมาไม่นาน
ประการที่สอง ความล้มเหลวของสถาบันการเงินเก่าแก่ในสหรัฐฯ ยุโรป โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงที่เกิดวิกฤตซับ-ไพรม์ หรือกรณีจรรยาบรรณวิบัติในการให้สินเชื่อเคหะแก่ลูกค้าด้อยคุณภาพ จนสร้างการบริหารงานที่เหลวแหลก และเกิดการล้มละลายของผู้ให้บริการทางการเงินขนาดใหญ่หลายราย อาจจะเป็นปัจจัยหลักประการหนึ่งที่ทำให้ผู้ใช้บริการทางการเงินหมดความไว้ วางใจในสถาบันการเงินและผู้ให้บริการทางการเงินรายเก่าๆ และหันกลับมาให้ความเชื่อถือกับผู้ประกอบการรายใหม่รวมทั้งเพย์พาลด้วย
ประการที่สาม นอกเหนือจากเพย์พาล ผู้ให้บริการระบบการชำระเงินรายใหม่อื่นๆ รวมทั้งโนเกียและแอปเปิล และน้องใหม่อย่างเพย์พาล ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับการยอมรับเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน และก็คงมีแนวโน้มในการขยายตัวของธุรกิจการให้บริการระบบการชำระเงินทางโมบาย ด้วย
ประการที่สี่ การชำระเงินทางโมบายในช่วงที่ผ่านมามีอยู่ก็จริง แต่มักจะประกอบด้วยรายการชำระเงินรายการเล็กๆ น้อยๆ เช่น ค่าหนังสือพิมพ์ เครื่องดื่ม อาหาร โดยผ่านการสัมผัสหน้าจอมือถือ จึงยังมีโอกาสทางธุรกิจการให้บริการชำระเงินผ่านออนไลน์และโมบายโฟนเพิ่ม ขึ้น ควบคู่กับความพร้อมของผู้ให้บริการระบบปฏิบัติการบนโมบาย
ประการที่ห้า ผลการสำรวจของ GfK ในกลุ่มลูกค้า 8,603 ราย ใน 9 ประเทศ ได้แก่ อังกฤษ สหรัฐฯ เยอรมนี ฝรั่งเศส สเปน บราซิล อิตาลี จีน และเกาหลีใต้ ช่วยให้เห็นว่าพัฒนาการของระบบการชำระเงินทางออนไลน์ บวกโมบายในอนาคตดีขึ้น ผู้ตอบในจีนระบุว่าเริ่มใช้บริการชำระเงินผ่านทางออนไลน์และโมบายราว 82% ซึ่งมากที่สุด รองลงมาคือในบราซิล 73% เกาหลีใต้ 72% ฝรั่งเศส 42% ตามลำดับ
ด้วยความมั่นใจนี้ เมื่อไม่นานมานี้เพย์พาลจึงตัดสินใจตัดความสัมพันธ์เชิงพันธมิตรกับอาลี เอ็กซ์เพรสของอาลีบาบากรุ๊ปในเครือข่ายของยาฮู! แล้ว หลังจากปริมาณการโอนเงินในจีนมีมากกว่า 4,400 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว หรือเพิ่มขึ้น 44% จากปีก่อนหน้า
สิ่งที่เกิดขึ้นชี้ว่ายุโรปและสหรัฐฯ มีความกระตือรือร้นในการใช้ระบบการชำระเงินทางโมบายเพิ่มน้อยกว่าในประเทศ กำลังพัฒนา เพราะร้านค้าปลีกรายใหญ่นิยมการพัฒนาระบบการชำระเงินของตนเอง หรือมีความร่วมมือกับผู้ให้บริการเดบิตหรือเครดิตการ์ดแทน
ที่มา wiseknow
ในราวปลายปี 2545 เพย์พาลได้ปรับขยายการดำเนินงานเป็นระบบการชำระเงินระหว่างผู้ซื้อขายที่ทำ หน้าที่แทนการชำระด้วยเงินสด เช็ค หรือบัตรเครดิต โดยเพย์พาลมีรายได้ในรูปค่าบริการในการจัดระบบการชำระเงินทางออนไลน์ไว้ให้ ลูกค้า และอีเบย์ได้เข้าไปทำการซื้อกิจการของเพย์พาลและเป็นผู้ถือหุ้น 100% จนปัจจุบัน
เมื่อพูดถึงธุรกิจระบบการชำระเงินบนตลาดออนไลน์ หลายคนคิดว่าคงเป็นกิจการเล็กๆ ทำหน้าที่สนับสนุนการซื้อขายของตลาดออนไลน์
แต่ในความเป็นจริง การเติบโตของวิธีการชำระเงินผ่านทางตลาดออนไลน์ด้วยการซื้อขายผ่านระบบนี้ มีแนวโน้มว่าจะไม่ได้จำกัดอยู่แต่เฉพาะอินเทอร์เน็ตอีกต่อไป หากแต่มีแนวโน้มว่าลูกค้าและผู้ใช้บริการของระบบการชำระเงินจะเพิ่มการใช้ บริการผ่านทางโมบายมากขึ้น และยังทำท่าจะเติบโตในช่องทางใหม่นี้อย่างรวดเร็วเกินความคาดหมายเสียด้วย
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของการซื้อขายผ่านการชำระเงินทางโมบายจะเริ่มจริงในปีหน้า เป็นต้นไป
ที่น่าสนใจคือที่ผ่านมา เพย์พาลได้รับการโหวตให้เป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือมากที่สุดในธุรกิจ นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการดูแลข้อมูลทางการเงินส่วนบุคคลให้มีความปลอดภัย ถูกต้อง แม่นยำในการโอนเงิน จนสามารถแฮกได้ยากมาก
การโหวตที่ว่านี้มาจากลูกค้าที่ใช้บริการในตลาดหลักๆ ในโลกถึง 9 ตลาด ย่อมแสดงถึงความได้เปรียบด้านการแข่งขันของเพย์พาลที่เพิ่มขึ้นมาก
จุดที่น่าสนใจทางการตลาดในความสำเร็จด้านการให้บริการระบบการชำระเงินทางออ นไลน์ในส่วนของเอกชน และกำลังก้าวออกไปถึงการชำระเงินผ่านโมบาย มีหลายประการ
ประการแรก ในบรรดาผู้ประกอบการที่ให้บริการทางการเงินด้วยระบบการชำระเงินค่าซื้อขาย สินค้าทางออนไลน์นี้ มีแบรนด์เก่าแก่และชื่อเสียงติดหูติดปากของผู้ใช้บริการอยู่ด้วยกันหลายราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรนด์วีซ่าและมาสเตอร์การ์ด
ขณะเดียวกันก็ยังมีแบรนด์ใหม่ๆ รายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นและได้รับความน่าเชื่อถือในระดับต้นๆ อีก เช่น แอปเปิล ซึ่งพัฒนาระบบการชำระเงินเพื่อดูแลลูกค้าที่ใช้บริการร้าน “ไอจูนส์” สโตร์ และยังมีโนเกียและซัมซุงที่ไม่น้อยหน้าในการให้บริการด้านนี้
โดยปรกติ การจะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่เชื่อถือโดยเฉพาะด้านเงินๆ ทองๆ อย่างระบบการชำระเงินทางออนไลน์ ระดับโลกไม่ง่ายดายนัก และที่ผ่านมาแต่ละแบรนด์ต้องใช้ความพยายามและใช้เวลามากมาย
แต่ในกรณีของเพย์พาล ผู้ใช้บริการกลับให้ความไว้วางใจกับแบรนด์นี้อย่างรวดเร็ว ทั้งที่เพย์พาลเพิ่งจะดำเนินงานมาไม่นาน
ประการที่สอง ความล้มเหลวของสถาบันการเงินเก่าแก่ในสหรัฐฯ ยุโรป โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงที่เกิดวิกฤตซับ-ไพรม์ หรือกรณีจรรยาบรรณวิบัติในการให้สินเชื่อเคหะแก่ลูกค้าด้อยคุณภาพ จนสร้างการบริหารงานที่เหลวแหลก และเกิดการล้มละลายของผู้ให้บริการทางการเงินขนาดใหญ่หลายราย อาจจะเป็นปัจจัยหลักประการหนึ่งที่ทำให้ผู้ใช้บริการทางการเงินหมดความไว้ วางใจในสถาบันการเงินและผู้ให้บริการทางการเงินรายเก่าๆ และหันกลับมาให้ความเชื่อถือกับผู้ประกอบการรายใหม่รวมทั้งเพย์พาลด้วย
ประการที่สาม นอกเหนือจากเพย์พาล ผู้ให้บริการระบบการชำระเงินรายใหม่อื่นๆ รวมทั้งโนเกียและแอปเปิล และน้องใหม่อย่างเพย์พาล ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับการยอมรับเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน และก็คงมีแนวโน้มในการขยายตัวของธุรกิจการให้บริการระบบการชำระเงินทางโมบาย ด้วย
ประการที่สี่ การชำระเงินทางโมบายในช่วงที่ผ่านมามีอยู่ก็จริง แต่มักจะประกอบด้วยรายการชำระเงินรายการเล็กๆ น้อยๆ เช่น ค่าหนังสือพิมพ์ เครื่องดื่ม อาหาร โดยผ่านการสัมผัสหน้าจอมือถือ จึงยังมีโอกาสทางธุรกิจการให้บริการชำระเงินผ่านออนไลน์และโมบายโฟนเพิ่ม ขึ้น ควบคู่กับความพร้อมของผู้ให้บริการระบบปฏิบัติการบนโมบาย
ประการที่ห้า ผลการสำรวจของ GfK ในกลุ่มลูกค้า 8,603 ราย ใน 9 ประเทศ ได้แก่ อังกฤษ สหรัฐฯ เยอรมนี ฝรั่งเศส สเปน บราซิล อิตาลี จีน และเกาหลีใต้ ช่วยให้เห็นว่าพัฒนาการของระบบการชำระเงินทางออนไลน์ บวกโมบายในอนาคตดีขึ้น ผู้ตอบในจีนระบุว่าเริ่มใช้บริการชำระเงินผ่านทางออนไลน์และโมบายราว 82% ซึ่งมากที่สุด รองลงมาคือในบราซิล 73% เกาหลีใต้ 72% ฝรั่งเศส 42% ตามลำดับ
ด้วยความมั่นใจนี้ เมื่อไม่นานมานี้เพย์พาลจึงตัดสินใจตัดความสัมพันธ์เชิงพันธมิตรกับอาลี เอ็กซ์เพรสของอาลีบาบากรุ๊ปในเครือข่ายของยาฮู! แล้ว หลังจากปริมาณการโอนเงินในจีนมีมากกว่า 4,400 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว หรือเพิ่มขึ้น 44% จากปีก่อนหน้า
สิ่งที่เกิดขึ้นชี้ว่ายุโรปและสหรัฐฯ มีความกระตือรือร้นในการใช้ระบบการชำระเงินทางโมบายเพิ่มน้อยกว่าในประเทศ กำลังพัฒนา เพราะร้านค้าปลีกรายใหญ่นิยมการพัฒนาระบบการชำระเงินของตนเอง หรือมีความร่วมมือกับผู้ให้บริการเดบิตหรือเครดิตการ์ดแทน
ที่มา wiseknow