ทักทายกันหน่อย

สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่เวบไซต์ Thai ebaY Articles ผมตั้งใจทำเวบนี้ขึ้นมาเพื่อรวมรวบสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับอีเบย์ให้อ่านง่ายขึ้นครับ ... ขอบคุณครับ

05 กุมภาพันธ์ 2555

เมื่อผมขายของบน eBay


บทความโดย วิชา ศรีซาวคำ ที่ปรึกษา eBay Onramp Team ประจำประเทศไทย ผู้สอน eBay 102 เตรียมตัวสู Power Seller

ก่อน ที่จะเข้ามาสู้วงการอีเบย์ผมขอย้อนไปประมาณ 2ปีกว่า ก่อนหน้านี้ผมก็เดินทางบนโลกของความเป็นจริง คือเรียนหนังสือเหมือนวัยรุ่นทั่วไป ระหว่างเรียนผมก็ได้เปิดร้านอาหารและขายของที่ถนนคนเดินวันอาทิตย์ ทำเป็นอาชีพเสริม ซึ่งถือได้ว่าเป็นรายได้ที่พอจะมีค่าขนมให้กับตัวเองได้ ก้าวแรกที่เริ่มเข้าสู้ธุรกิจอีเบย์ ผมรู้จักธุรกิจอีเบย์จากเพื่อนสนิทของผม (ชิตวีร์ วงค์ตาผา หรือ อาร์ม ที่ปรึกษา eBay Onramp Team ประจำประเทศไทย)
ซึ่ง เพื่อนผมคนนี้จะใช้เวลาส่วนมากอยู่กับการท่องโลกไซเบอร์ เขาได้มาแนะนำให้ทำอีเบย์ ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าจะหาเงินได้จากโลกของไซเบอร์ หรือโลกของอินเตอร์เน็ตนี้ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นนอน แต่ก็เคยได้ยินเว็บไซด์นี้มาก่อนจากหนังสือโฆษณาทั่วไป แต่ผมก็ลองทำดูเผื่อจะได้เงินมากขึ้น เพราะคิดว่าไม่น่าจะอยาก และเสียหายอะไร ก็เลยลงมือทำ......ผมนำสินค้าที่ผมขายอยู่มาลองขายบนอีเบย์ สินค้าที่ขายก็คือเสื้อผ้าพื้นเมืองของเชียงใหม่ ปรากฏว่าชิ้นแรกขายได้ ผมดีใจมาก ทำให้ผมมีกำลังใจและตั้งใจในการทำอีเบย์มากขึ้น จากที่คิดจะลองทำเล่นๆเป็นรายได้เสริมผมก็ทำมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน ตอนนี้ผมได้ทำอีเบย์เป็นอาชีพหลักของผมไปเสียแล้ว ในตอนแรกที่ผมเริ่มทำผมก็นำสินค้าที่มีมาขาย หลังจากนั้นผมก็เริ่มหาสินค้าอื่นมาขายเพิ่มขึ้น โดยสังเกตจากกลุ่มลูกค้าที่มาเดินที่ถนนคนเดิน หรือตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ว่าส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวเขาจะซื้ออะไรกัน สินค้าตัวไหนขายดี ตัวไหนน่าจะขายได้ นอกจากนั้นแล้วก็มาดูในตลาดอีเบย์ประกอบด้วย ว่าเขาซื้อขายอะไรกันบ้างบนนี้ สินค้าตัวไหนที่ได้รับความนิยม หรือขายดี เขาขายกันเท่าไร แล้วก็มาดูว่าเราสามารถหาสินค้าที่เป็นที่ต้องการได้หรือไม่ เราพอจะมีศักยภาพสู้กับคู่แข่งได้ไหมไม่ว่าจะเป็นทางด้านราคา หรือคุณภาพ ดังนั้นถ้าคุณต้องการจะทำธุรกิจ คุณสามารถเริ่มจากการหาซื้อสินค้าในราคาส่งและนำมาขายต่อบนอีเบย์ แหล่งของสินค้า เราก็สามารถหาได้จาก
  • เพื่อนหรือคนในครอบครัวที่ทำธุรกิจอยู่แล้ว
  • บริษัทจัดจำหน่าย
  • ผู้ผลิต
  • ผู้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ
  • ซื้อสินค้าที่น่าสนใจในราคาส่งจากแหล่งต่างๆเช่น เปิดท้ายขายของ ตลาดนัด สำเพ็ง
  • ซื้อสินค้าจำนวนมากในราคาขายส่งจากอีเบย์และนำมาขายต่อ
และอย่าลืมที่จะอ่านนโยบายการขายสินค้าบนอีเบย์ก่อนที่คุณจะเริ่มขาย

ขายอย่างไรให้ไม่ให้ขาดทุน
การ ขายของเป็นเรื่องง่ายเมื่อคุณรู้กลยุทธ์สู่ความสำเร็จ ทำตามข้อควรปฏิบัติง่ายๆเหล่านี้ที่คนขายที่ประสบความสำเร็จบนอีเบย์ใช้กัน และคอยดูยอดขายของคุณเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การค้นคว้าหาข้อมูล คุณสามารถค้นหาของที่จบการขายไปแล้วได้สามวิธี:1.เลือก Completed Listings ในการค้นหา2.หน้ารวมรายการสินค้าที่จบการขายไปแล้ว3.สินค้าที่จบการขายไป แล้วใน advanced search
ก่อนที่จะขายของบนอีเบย์คุณควรจะค้นหาข้อมูล สินค้าที่คล้ายๆกับของที่คุณจะขายและขายได้แล้ว คุณจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมายเกี่ยวกับการตั้งราคา การเลือกใช้คุณลักษณะต่างๆ และคำพูดที่ควรใช้เพื่อดึงดูดคนซื้อ เปรียบเทียบสินค้าของคุณกับของที่ขายไปแล้วโดยดูจากรายการที่ปิดการขายไป แล้ว รายการที่ปิดการขายไปแล้วจะบอกคุณว่าอะไรขายได้บ้างที่ราคาเท่าไร ช่วยให้คุณตั้งราคาขายของคุณ นอกจากนี้ยังบอกอีกว่าคนขายแต่ละคนคิดค่าส่งเท่าไร เมื่อคุณพร้อมที่จะขายแล้ว เพียงแค่คลิกที่ลิงค์ “List an item like this” เพื่อเริ่มขายสินค้าของคุณที่คล้ายๆกับรายการนั้น

การตั้งราคา
  1. เริ่มด้วยราคาที่ต่ำ
  2. การตั้งราคาขั้นต่ำ (Reserve price)
รูปแบบการขาย
คน ซื้อจำนวนมากสนุกและตื่นเต้นกับการซื้อสินค้าแบบการประมูล หลายคนชอบที่จะซื้อทันที (Buy It Now) ถ้าคุณขายของอยู่รูปแบบเดียวคุณก็จะเข้าไม่ถึงคนซื้อทั้งหมดบนอีเบย์ นอกจากนี้รูปแบบการขายบางอย่างทำให้สินค้าขายได้ดีกว่าอีกอย่างขึ้นอยู่กับ ว่าคุณใช้มันอย่างไร
  1. สินค้าที่ คุณต้องการจะขายเป็นสินค้าทั่วไปหรือเปล่า ลองขายด้วยราคาตายตัว (Fixed Price) หลังจากที่คุณได้ลองหาดูแล้วว่าสินค้าของคุณขายกันอยู่ที่ราคาเท่าไรในท้อง ตลาด การขายแบบราคาตายตัวนี้ทำให้คุณขายสินค้าได้ทันทีในราคาที่คุณอยากได้และใน จำนวนที่คุณอยากจะขาย
  2. คุณต้องการให้คนซื้อเลือกว่าต้องการจะซื้อแบบไหนหรือไม่ ขายแบบการประมูลและตั้งให้คนเลือกซื้อได้เลยถ้าต้องการ (Buy It Now)
  3. คุณ มีของที่ไม่เหมือนใครหรือของหายากหรือเปล่า การขายแบบการประมูลจะเป็นวิธีที่ทำให้คุณได้ราคาดีที่สุดสำหรับของประเภทนี้ อย่าไปกลัวกับการลองขายด้วยรูปแบบต่างๆ คุณจะค้นพบรูปแบบที่เหมาะกับสินค้าของคุณในเวลาไม่นาน
สินค้า
เมื่อ พูดถึงการซื้อของออนไลน์ใดๆก็ตามจะมีจุดๆหนึ่งที่มีผลในทางบวกหรือลบต่อการ ตัดสินใจซื้อและราคาที่คนซื้อยอมที่จะจ่าย จุดๆนี้อาจเป็นไปได้ตั้งแต่การทำความเข้าใจว่าของที่จะขายนี้คืออะไร การส่งของและการชำระเงิน จนไปถึงความน่าเชื่อถือของคนขาย

ชื่อสินค้า
ตัว อักษรทุกตัวในชื่อสินค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คนหาของที่คุณขายเจออย่าง ง่ายดาย คุณควรจะจำไว้ว่าคุณใส่ชื่อสินค้าได้ 55 ตัวอักษร ใช้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ใส่คำบอกถึงหมวดหมู่สินค้าที่คุณขายเช่น “laptop” ใส่ข้อมูลต่างๆที่บอกคุณสมบัติของสินค้าที่คุณขาย เช่นชื่อสินค้าของ laptop ก็ควรจะบอกยี่ห้อ ความเร็วและหน่วยความจำด้วย หลีกเลี่ยงการใช้คำย่อที่ไม่ใช้กันและการสะกดคำผิด คำนึงถึงคีย์เวิร์ดที่คนใช้ในการค้นหามากที่สุด คีย์เวิร์ดอื่นๆที่ได้รับความนิยมเช่น New, Free Postage และ Warranty

การบรรจุหีบห่อ
ทำตามขั้นตอนง่ายๆเหล่านี้เพื่อให้การบรรจุหีบห่อเป็นไปด้วยความราบรื่น:• ห่อของ• บรรจุกล่อง• ปิดผนึก
1. ห่อของ
แยก ห่อของแต่ละชิ้นและใส่สิ่งกันกระแทกมากๆ เช่น บับเบิ้ลห่อของ เม็ดโฟม แผ่นโฟม กระดาษที่นำมาขยำเป็นก้อนๆ เม็ดโฟมและแผ่นโฟมกันกระแทกอาจจะขยับได้ระหว่างการส่ง ดังนั้นคุณควรจะใส่ลงไปให้มากจนกระทั่งคุณไม่ได้ยินเสียงสินค้ากระทบกัน
2. บรรจุกล่อง
ใช้ กล่องส่งของกันกระแทกใบใหม่ เว้นให้มีที่เหลือสำหรับวัสดุกันกระแทกทุกด้าน อย่าใส่เกินน้ำหนักที่กำหนด (ส่วนมากจะพิมพ์บอกอยู่ใต้กล่อง) ถ้าคุณจะใช้กล่องใช้แล้วให้ลอกฉลากต่างๆออกเสียก่อน อย่าลืมว่าน้ำหนักที่ใส่ได้สูงสุดอาจจะลดลงไปเนื่องจากเป็นกล่องใช้แล้ว
3. ปิดผนึก
ใช้ เทปที่ออกแบบมาสำหรับใช้ในการส่งของโดยเฉพาะ อย่าใช้เทปกั้นทาสี เทปใส เชือกหรือกระดาษห่อ ผู้มีประสบการณ์แนะนำให้ใช้เทปที่เป็นพลาสติกหรือเสริมด้วยไนลอนหรือเทปกาว ที่ใช้น้ำทา (คุณภาพ 60 ปอนด์และกว้างอย่างน้อยสามนิ้ว)
ของบางอย่างต้องใช้การบรรจุหีบห่อเป็นพิเศษ เช่น:
ของ เก่าหรืองานศิลปะ: เอากระจกออกและคลุมปิดด้วยตัวป้องกันกระจก “glassmask” หรือ “glass-skin” และห่อต่างหาก (อย่าใช้ตัวป้องกันกระจกแบบนี้บนกระจกแบบที่ลดแสงสะท้อนเพราะจะทำให้พื้น ผิวกระจกเสียหายได้) อย่าให้ตัวงานศิลปะโดนกระดาษหรือตัวกล่อง ถ้าคุณต้องการระบุราคา อย่าลืมเก็บใบเสร็จจากคนตีราคาที่เป็นที่ยอมรับไว้เผื่อว่าคุณต้องทำเรื่อง เคลมกับบริษัทจัดส่งของ

คำแนะนำสำหรับการส่งของ
เหรียญ แสตมป์หรือจิวเวลลี่: ควรใช้กล่องใหญ่พอสมควรเพื่อที่จะให้ของส่งได้ง่ายและประกันสินค้าตามความ เหมาะสม การส่งจิวเวลลี่และอัญมณีข้ามประเทศอาจมีข้อจำกัดอยู่บ้าง คุณควรตรวจสอบกับบริษัทจัดส่งของด้วย
ของสะสม เครื่องปั้นดินเผา เครื่องแก้ว: สำหรับของที่แตกหักง่าย กล่องใส่ด้านนอกต้องใหญ่พอโดยที่ต้องมีที่เหลือในทุกด้านอย่างน้อย 3 นิ้ว ห่อของและแยกใส่กล่องแต่ละชิ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ของกระทบกัน วางของในบริเวณตรงกลางของกล่องและอยู่ห่างจากตัวกล่องทุกด้านเพื่อป้องกัน ความเสียหาย ถ้าของมีช่องว่างตรงกลางเช่นแจกัน ให้คุณหากระดาษใส่ลงไปเพื่อทำให้ของตัน
อุปกรณ์ถ่ายภาพ อุปกรณ์ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์: ควร จะใช้กล่องที่มาจากโรงงาน ถ้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์โผล่มาด้านนอกให้เห็น ควรจะห่อด้วยวัสดุที่ป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ ห้ามใช้เม็ด โฟมกันกระแทก กระดาษห่อของสีน้ำตาล แผ่นโฟม ผ้าห่อของหรือการดาษหนังสือพิมพ์ อย่าลืมประกันสินค้าตามความเหมาะสม
ผ้าและวอลล์เปเปอร์: วิธี การส่งที่ดีที่สุดในการส่งสินค้าที่เป็นม้วนคือใช้กล่องกันกระแทก ถ้าคุณส่งผ้าที่เป็นม้วนโดยใช้ถุง อย่าลืมห่อและปิดเทปให้แน่นหนาเพื่อป้องกันการขาด แปะฉลากส่งของซ้ำที่ตัวแกนกลางของม้วนหรือระหว่างชั้นบนของวัสดุ

ส่งสินค้าอย่างไรให้ประหยัดค่าใช้จ่าย
การ ส่งของ ค่าส่งของไปต่างประเทศอาจมีราคาสูงขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างดังนี้• น้ำหนักและขนาดของพัสดุ • วิธีการส่ง • สถานที่ที่คุณจะไปส่งของ (จังหวัดและประเทศ) • สถานที่ที่คุณจะส่งของไปให้ (ประเทศปลายทาง)
1. ค่าส่ง
ค่าส่งของไปต่างประเทศอาจมีราคาสูงขึ้นซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างดังนี้
  • น้ำหนักและขนาดของพัสดุ
  • วิธีการส่ง
  • สถานที่ที่คุณจะไปส่งของ (จังหวัดและประเทศ)
  • สถานที่ที่คุณจะส่งของไปให้ (ประเทศปลายทาง)
ดังนั้นราคาค่าส่งส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับ คุณส่งอะไร ไปที่ไหน และส่งแบบไหน
ค่า ส่งจะสูงขึ้นถ้าคุณส่งไปยังต่างประเทศ โดยปกติคนซื้อจะเป็นคนจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมต่างๆที่อาจจะมีเช่นค่าภาษีนำ เข้า ค่าส่งสินค้าไปต่างประเทศอาจจะรวมค่าที่คนต้องไปออกของมาจากศุลกากรและไปส่ง ให้ที่อยู่ของลูกค้าคุณหรือไม่ก็ได้ พัสดุของคุณจะไปถึงที่อยู่ปลายทางแต่ลูกค้าของคุณอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่าย เพิ่มเติม บริษัทส่งของบางแห่งจะให้บริการด้านศุลกากรเพื่อที่คุณจะได้รู้ก่อนว่าคุณจะ ต้องบอกอะไรบ้างแก่ลูกค้าคุณในเรื่องที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและ ภาษีนำเข้า ลูกค้าคุณอาจจะต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมถ้าเขาอยู่ในเขตที่ห่างไกลออกไป2. เวลาในการจัดส่งและบริการ
เวลา ในการจัดส่งของระหว่างประเทศนั้นแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเทศต้นทางและปลาย ทาง ดังนั้นจะใช้เวลาเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณส่งของจากที่ไหนไปที่ไหนซึ่งแน่ นอนว่าจะต้องใช้เวลานานกว่าการส่งของในประเทศ พิธีการศุลกากรจะทำให้การส่งของช้าลงถ้าพัสดุของคุณถูกตรวจสอบ อย่าลืมกรอกเอกสารศุลกากรให้ถูกต้องเพื่อป้องกันความล่าช้า3. การประกันสินค้า
คุณ ควรจะประกันสินค้าที่ส่งไปต่างประเทศเสมอถ้าบริษัทจัดส่งไม่รับประกันให้คุณ อัตโนมัติ บริษัทส่งของบางแห่งรับประกันความเสียหายให้สินค้าของคุณถึง $100 โดยอัตโนมัติ (ขึ้นอยู่กับบริษัท) ถ้าของของคุณมีมูลค่ามากกว่า $100 คุณอาจจะต้องซื้อประกันเพิ่ม หมายเหตุ: การบรรจุหีบห่อที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าของเสียหายเนื่องมาจากการบรรจุหีบห่อที่ไม่ดี บริษัทส่งของอาจจะไม่รับผิดชอบค่าเสียหาย เวลาที่เลือกบริษัทส่งของคุณควรจะตรวจสอบว่าเขารับประกันสินค้าของคุณหรือ ไม่เพราะว่าของใช้ส่วนตัวเช่น คอมพิวเตอร์ จักรยาน เสื้อผ้า อุปกรณ์ไฟฟ้า อาจจะไม่ได้รับความคุ้มครอง4. ความยุ่งยากซับซ้อนของการส่งของระหว่างประเทศ
ของ ทุกชิ้นที่ถูกส่งออกหรือนำเข้าต้องผ่านการดำิเนินการด้านศุลกากรก่อนที่จะ เข้าประเทศปลายทาง มีเอกสารบางอย่างต้องใช้ในการเดินเรื่อง กรมศุลกากรเป็นหน่วยงานรัฐบาลที่มีหน้าที่ควบคุมของที่ส่งเข้าประเทศ
ใน ฐานะที่เป็นคนขายบนอีเบย์ คุณจะต้องเตรียมเอกสารที่ถูกต้องเพื่อที่ของที่คุณส่งจะไม่ถูกกักอยู่ที่กรม ศุลกากรอย่างไม่มีกำหนด บริษัทส่งของสามารถช่วยคุณในเรื่องเหล่านี้ได้ก่อนที่คุณจะส่งของหมายเหตุ: คนขายอาจจะต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมถ้าของถูกตีกลับเพราะว่าไม่ผ่าน ศุลกากรหรือของอาจจะถูกกักถ้าบริษัทส่งของของคุณไม่ไปเตรียมเรื่องกับกรม ศุลกากรล่วงหน้า (บริษัทส่งของส่วนใหญ่ให้บริการส่วนนี้อยู่แล้วโดยที่คุณไม่ต้องทำอะไร)5. บริษัทจัดส่งของในประเทศไทย
ไปรษณีย์ไทย :http://www.thailandpost.com
UPS :http://www.ups.com/content/th/en/index.jsx
FEDEX : http://fedex.com/th/
DHL :http://www.dhl.co.th/publish/th/en.high.html

หลัง จากที่ได้กล่าวถึงขั้นตอนต่างๆเกี่ยวกับอีเบย์ ตั้งแต่สมัคร การขาย การจ่ายเงิน-รับเงิน รวมไปถึงวิธีการส่งของไปแล้ว เมื่อได้อ่านคงจะคิดว่าดูง่ายและไม่น่าจะมีอะไรยุ่งยาก แต่ทางเดินก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป ถ้าเราขายของได้ แล้วลูกค้าจ่ายเงินมันคงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าลูกค้าซื้อของแล้วแต่ไม่จ่ายเงิน ส่งของไปแล้วลูกไม่ได้รับของ หรือถอนเงินอกกจากระบบPayPalไม่ได้ เป็นต้น เราจะแก้ไขปัญหาเล่านี้ยังไง ตอนต่อไปนี้ผมจะขอกล่าวถึงปัญหาที่กล่าวมาข้างตอน พร้อมกับแนะนำวิธีการแก้ไข ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยตรงกับผมเอง รวมทั้งของสมาชิกคนอื่นๆที่ได้เจอมา
-เมื่อลูกค้าซื้อของแต่ไม่จ่ายเงิน ในกรณีนี้คือลูกค้าไม่ยอมจ่ายเงิน เราสามารถส่งเรื่องไปให้อีเบย์เพื่อแจ้งว่าลูกค้าไม่จ่ายเงิน และขอเงิน Final free คืนได้
-ส่งของไปแล้วลูกค้าไม่ได้รับ
ถ้า เราใช้บริการส่งของกับบริษัทขนส่ง ไปรษณีย์แบบลงทะเบียนหรือEMS จะมี Tracking Number เราก็สามารถเข้าไปตรวจสอบได้สถานะได้ และตามสินค้าได้ แต่ถ้าเราส่งไปรษณีย์แบบธรรมดาหรือใช้การส่งแบบอื่นที่ไม่มี Tracking Number เราก็ไม่สามารถตามของที่เราส่งไปได้ ในกรณีนี้เราก็ต้องทำใจอย่างเดียว เพราะไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าของติดอยู่ที่ไหนหรือหายไปไหน ดังนั้นจึงของแนะนำให้ส่งกับบริษัทที่เราสามารถตรวจสอบสถานะของสินค้าได้ ถ้าส่งกับไปรษณีย์แบบธรรมดาก็ใช้ลงทะเบียนเพิ่มเงินอีก 55 บาทแต่เราสามารถตรวจสอบได้ เพราะถ้าลูกค้าไม่ได้รับของเราก็มีหลักฐานในการส่งโชว์ให้ลูกค้าดูได้ และควรเก็บหลักฐานในการส่งไว้ด้วย เผื่อมีปัญหาต่อไป
ถอนเงินอกกจากระบบPayPalไม่ได้
เมื่อ เราต้องการถอนเงินออกมาจากระบบPayPal ไม่ได้ก็มีอยู่หลายสาเหตุด้วยกัน อาจจะเป็นเพราะPayPalขอตรวจสอบที่มาของเงิน หรือลูกค้าดึงเงินคืน ทั้งสองกรณีนี้เราต้องส่งเอกสารและหลักฐานต่างๆในการซื้อขายในของชิ้นที่มี ปัญหา หลักฐานการส่งของ-รับของ อีเมลที่ติดต่อกับลูกค้า รวมถึงการแสดงหลักฐานแสดงว่าเรามีตัวตนจริง(บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต) ส่งไปยังPayPal แล้วก็รอการตรวจสอบใช้เวลาประมาณ4-5 วันทำการ เราก็จะสามารถถอนเงินออกมาได






ที่มา thaiventure