สำหรับสินค้าบางชนิดที่มีหลายขนาดให้เลือก
เพื่อให้เหมาะสมกับขนาดที่จะนำไปใช้งาน เช่นเสื้อผ้า รองเท้า แหวน ระบบ Add
a Product ได้รองรับการสร้างทางเลือกต่าง ๆ ไว้ให้สำหรับลูกค้า
เพื่อให้ผู้ขาย ได้สร้างทางเลือกต่าง ๆ ไว้ให้ลูกค้าได้เลือกกัน
ระบบนี้ก็คือ Variation Theme
สำหรับ Variation Theme จะอยู่ที่แถบ Vital Info
Variation ของแต่ละหมวดสินค้า จะมีให้เลือกไม่เหมือนกัน
ตามแต่ลักษณะของสินค้านั้น ๆ อย่างในตัวอย่างที่แสดงให้นี้
เป็นของหมวดเสื้อผ้า
โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว เสื้อผ้า คนที่จะเลือก สี กับ ไซส์ (color / size)
ส่วนตัวเลือกอื่น ๆ นั้น ทางระบบได้เตรียมไว้สำหรับ เสื้อผ้าพิเศษ
หรือความเป็นไปได้ทั้งหมด แต่คงไม่ได้ใช้ทั้งหมด
ถ้าเรา จะนำเสนอ สีเดียว แต่มีให้เลือกได้หลายขนาด ตั้งแต่ S, M, L, XL และ XXL ก็เลือก ออปชั้น Size
หรือถ้าเรามีหลายสี แต่เป็นฟรีไซส์ก็เลือก ออปชั่น Size
แต่ตัวอย่างนี้ จะแสดงแบบยากกว่า ก็คือ มีให้เลือก 4 สี 4 ไซส์ ก็คือ Color, Size ( อันล่างสุดในรูป )
เมื่อเลือกแล้ว จะมีแถบใหม่ปรากฎมา ก็คือ Variations และจะมีช่องให้ใส่ข้อมูล ตามที่เราได้เลือกไป
ก็ลองใส่ ขนาดไป 4 ขนาด S, M, L, XL และ สีไป 4 สี คือ Black, Red, White, Blue
เมื่อครบ ก็กดปุ่ม Add Variations ด้านล่าง
เราก็ต้องใส่ ราคา และ ปริมาณสินค้า ตามแต่ละ Variation ที่เรามี
ในที่นี้ ก็จะมีทั้งหมด 16 Variation เพราะว่า มี 4 สี แต่ละสี
ก็จะมีทั้งหมด 4 ขนาด
ช่องที่บังคับใส่ ก็คือ Condition , Your Price และ Quantity ส่วน
ช่อง Seller SKU นั้นไม่บังคับ เพราะถ้าเราไม่ใส่ ระบบของ Amazon
จะสร้างให้อัตโนมัน แต่ถ้าต้องการให้เราเองดูรู้เรื่อง เราก็ควรสร้างเอง
เช่น ถ้าเป็นสีฟ้า ขนาด XL ก็อาจจะใช้ว่า BL-XL ก็คือ Blue ต่อด้วย ไซส์
XL จะดูรู้เรื่องกว่าที่ระบบสร้างให้เยอะ
ส่วนราคา กับปริมาณ
จะตั้งเท่ากันทุกไซส์ ทุกสี หรือไม่เท่ากันเลยสักอันก็ได้ ตามสะดวก ถ้าไซส์
หรือสีไหน ไม่มีของ ก็ตั้งปริมาณให้เป็น 0 - ศูนย์
เมื่อครบแล้ว ก็ใส่ข้อมูลในแถบอื่น แต่ยังไม่ต้องใส่รูป
เพราะเราสามารถใส่รูปในแต่ละ Variation ให้แตกต่างกันได้
ให้ข้ามขั้นตอนในการใส่รูปไปก่อน
เมื่อเสร็จแล้ว หน้าสรุป Inventory ของเราก็จะปรากฎสินค้ารายการนี้
แต่สินค้าที่สร้างขี้นพร้อมกับ Variation นี้จะมีเครื่องหมาย + อยู่ด้านหน้าสุด
เมื่อคลิกที่เครื่องหมาย + ก็จะเป็นการแสดง Variation ทั้งหมดออกมา
โดยที่ ตัวข้อมูลหลัก ๆ ของสินค้า จะเรียกว่า Variation Parent และ ตัว Variation ย่อยทุกอัน จะเรียก Child
Seller
SKU ของ Parent นั้น ระบบ Amazon จะสร้างให้อัตโนมัน (FG-6ZF6-ZSQ7)
แต่ตัวของตัว Child เราสามารถสร้างได้เห็น จะเห็นได้ว่า ของ Child
ถ้าเรากำหนดเอง ดูเองง่ายกว่าเป็นไหน ๆ
และก็สามารถ ใส่รูปให้แต่ละ Child ได้โดยคลิกที่ Actions เมนูก็จะปรากฎ
เลือก Edit details แล้วก็เข้าไปใส่รูปที่ แถบ Images
ดังที่ได้อธิบายไปแล้ว เราสามารถใส่รูปหลักไว้ที่ Parent และรูปแต่ละสี
ไว้ที่ Child แต่ละอัน เมื่อลูกค้าเลือก ไปที่ ออปชั่นต่าง ๆ
รูปก็จะเปลี่ยนไปตามที่เราได้กำหนดไว้
หน้าแสดงสินค้า ก็จะมี ออปชั่นให้เลือก (พอดีตัวอย่าง มันมีแต่ให้เลือกขนาด ไม่มีให้เลือกสีนะครับ)
ความยากของการตั้ง Variation Theme นี่น่าจะอยู่ที่การตัดสินใจเลือก
ว่าจะเอาอะไร เป็น Variation มากกว่า อย่างเช่นเสื้อผ้านี้ ถึงแม้สี
จะสามารถตั้งเป็น Variation ได้ แต่ก็ไม่ใช่เสื้อทุกชนิด เหมาะที่จะเอามาทำ
เพราะตามลักษณะของคนซื้อ จะเลือกสีก่อน จากนั้นค่อยมาดูว่ามีไซส์
ที่ใส่ได้หรือเปล่า ก็คือ ลูกค้าจะใช้สี เป็นคำค้น ถ้าเราเอามาตั้งเป็น
Child แล้วโอกาส ที่จะใช้ สี มาเป็น Keyword ที่จะเอาไปใช้เป็น Product
name ก็หมดไป เพราะ Variation Child ทุกอัน จะชื่อเหมือนกัน Parent หมด
แต่ถ้าเป็นเสื้อทีมแมนยู คนก็จะไม่ค้นหาที่สี
เพราะคงโดนบังคับสีมาตั้งแต่ต้นแล้ว แต่จะเป็น Variation ว่าจะเป็น Home
หรือ Away (เสื้อทีมเหย้า หรือทีมเยือน) และก็ขนาดมากกว่า
การตั้ง Variation ยังไง ก็ลองดูชนิดสินค้า และก็ พฤติกรรมของลูกค้าด้วยนะครับ
ที่มา thaiseoboard.com
หมวดหมู่ของบทความ
การโดนลิมิต
(16)
การถ่ายรูปสินค้า
(5)
การลิสต์สินค้า
(12)
การส่งสินค้า
(23)
เกี่ยวกับร้านค้า store
(3)
เกี่ยวกับลูกค้า
(14)
ค่าธรรมเนียม
(7)
ซื้อของอีเบย์
(11)
ทั่วไปเกี่ยวกับอีเบย์
(29)
ทำความรู้จักกับอีเบย์
(12)
ประกาศจากอีเบย์
(9)
ปัญหาทั่วไป
(10)
เผยเทคนิคอีเบย์
(23)
เพพาล PayPal
(13)
มือใหม่
(13)
แม่แบบจดหมาย
(23)
เริ่มต้นธุรกิจแบบมืออาชีพ
(15)
สมัครเป็นคนขาย
(1)
ไอเดียขายสินค้า
(16)
amazon
(15)
etsy
(5)
feedback และ DSR
(14)
MC code แบบต่างๆ
(4)
ทักทายกันหน่อย
สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่เวบไซต์ Thai ebaY Articles ผมตั้งใจทำเวบนี้ขึ้นมาเพื่อรวมรวบสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับอีเบย์ให้อ่านง่ายขึ้นครับ ... ขอบคุณครับ
19 พฤศจิกายน 2555
ลูกค้าไม่จ่ายเงินให้เปิด Open an unpaid item case หลังจาก 4 วันไปแล้ว
ในกรณีลูกค้าไม่จ่ายเงินให้
ให้รอจนครบ 4 วันแล้วเราสามารถเปิด Open an unpaid item case ได้
โดยไปที่ลิงค์นี้ http://rebulk.ebay.com/ws/eBayISAPI.dll?CreateUPIDispute แล้วใส่ item number
หรือจะคลิ๊กที่ Action ท้าย tracsaction นั้นก็ได้
จากนั้นเลือกเหตุผลว่า The buyer has not paid for the item
ให้รอจนครบ 4 วันแล้วเราสามารถเปิด Open an unpaid item case ได้
โดยไปที่ลิงค์นี้ http://rebulk.ebay.com/ws/eBayISAPI.dll?CreateUPIDispute แล้วใส่ item number
หรือจะคลิ๊กที่ Action ท้าย tracsaction นั้นก็ได้
จากนั้นเลือกเหตุผลว่า The buyer has not paid for the item
http://rebulk.ebay.com/ws/eBayISAPI.dll?CreateUPIDispute |
เลือกจาก Actions ด้านท้าย transaction นั้นๆ |
Open an unpaid item case
If you haven't received payment for an item that ended at least 4 days ago, eBay can open an unpaid item case for you.
15 พฤศจิกายน 2555
Add a Product นำสินค้าเข้าร้านทีละชิ้น
การ Add สินค้าเข้าไปในร้านค้า - Listing Method
การเพิ่มสินค้าเข้าไปในร้านค้าเราใน Amazon นั้น สามารถทำได้ 3 วิธี
- Add a Product เป็นการเพิ่มสินค้า เข้าไปในร้านแบบ ทีละชิ้น
- Inventory File หากเรามีสินค้ามาก การเพิ่มเข้าไปทีละชิ้นจะเป็นการเสียเวลาค่อนข้างมาก ทาง Amazon ก็มีตัว Template ที่อยู่ในรูป Excel ให้เราสามารถกรอกข้อมูลสินค้าใส่ แล้ว Upload สินค้าเข้าไปในร้านเราทีเดียวได้ทั้งหมด
- Amazon Seller Desktop เหมือนกันการเอาข้อดีของ 2 อันแรกมารวมกัน (และข้อเสียก็มารวมกันด้วย) วิธีการนี้ เป็นการติดตั้งโปรแกรม ที่ทาง Amazon เป็นผู้ทำ เราสามารถกรอกข้อมูลสินค้าทีละชิ้น หรือ Import ข้อมูลที่อยู่ในรูป Excel เข้าไปในโปรแกรมก่อนโดยยังไม่ต้อง ต่อเนต - ตอนนี้ ผมโหลดมาแล้ว แต่ยังไม่ได้ลองใช้งาน เอาไว้ค่อยมารีวิว และโพสวิธีการใช้งานต่อไปภายหลังให้นะครับ แต่ผมคิดว่าคงคล้าย ๆ กัน Turbo Lister ของทาง eBay
วิธี Inventory File นั้นค่อนข้างง่าย และเพิ่มสินค้าได้ทีละมาก ๆ แต่ผมแนะนำให้ลอง Add a Product จนคล่องก่อน เพราะเราจะได้รู้ว่าสินค้าเรา ต้องใส่ข้อมูล ช่องไหน อะไรบ้าง เวลาใส่ข้อมูลลงในตารางแล้วจะได้ไม่ผิด ไม่อย่างนั้นต้องมานั่งแก้ทีละอัน
13 พฤศจิกายน 2555
12 พฤศจิกายน 2555
หมวดสินค้าที่ต้องขออนุมัติ ก่อนจึงจะขายได้ และการขออนุมัติ
หมวดสินค้า ที่ต้องได้รับการอนุมัติก่อน จึงจะขายได้
ขอยกเรื่องนี้เข้ามาแทรกหน่อยนะครับ พอดีมีสินค้าบางหมวด ที่ต้องได้รับการอนุมัติ จากทางเจ้าหน้าที่ก่อน จึงจะขายกับอเมซอนได้
ซึ่งเราสามารถ ทดลองขออนุมัติไปก่อน ถ้าผ่าน แล้วจึงค่อยทำการสมัครดีกว่า เกิดไม่ผ่าน จะได้ไม่ต้องเสียค่ารายเดือน
หมวดสินค้าที่ต้องขอก่อน มีดังนี้ครับ
• Automotive Parts / Motorcycle & ATV (ชิ้นส่วนรถยนต์ และ มอเตอร์ไซด์)
• Clothing, Accessories & Luggage (เสื้อผ้า อุปกรณ์ และกระเป๋าใส่)
• Collectible Books (หนังสือ เฉพาะหนังสือที่เอาไว้สะสม)
• Entertainment Collectibles (ของสะสม ที่เกี่ยวกับ ความบันเทิงต่าง ๆ )
• Industrial & Scientific (อุปกรณ์ที่ใช้ในห้องแลปวิทยาศาสตร์ หรือใช้ในระบบอุตสาหกรรม)
• Jewelry (เครื่องประดับ)
• Shoes (รองเท้า)
• Sports Collectibles (ของสะสมที่เกี่ยวกับทางด้านกีฬา)
• Toys & Games (holiday approval only) (ของเล่นละเกมส์ เฉพาะช่วงมหกรรม ขายสินค้าปลายปีของเมืองนอก ช่องที่เหลือไม่ต้องขอ ขายได้เลย)
• Watches (นาฬิกาทุกชนิด)
แต่ละหมวด จะมีความต้องการ หรือ Requirement แตกต่างกันไปเล็กน้อย ซึ่งเราต้องแสดงให้เจ้าหน้าที่เขาเห็นก่อน
อันนี้ไม่เยอะมาก เดี๋ยวผมจะมาลงรายละเอียดให้ทีละหมวดเลยล่ะกัน ว่าแต่ละหมวด ต้องการแสดงอะไรให้เจ้าหน้าที่เขาเห้นบ้าง
ปล. ขอครั้งแรก ไม่ผ่านไม่เป็นไรครับ เพราะผมต้องขอเขาไป 4 ครั้งกว่าจะผ่าน เพราะติดที่เรื่องรูปสินค้านี่แหละ
ขอยกเรื่องนี้เข้ามาแทรกหน่อยนะครับ พอดีมีสินค้าบางหมวด ที่ต้องได้รับการอนุมัติ จากทางเจ้าหน้าที่ก่อน จึงจะขายกับอเมซอนได้
ซึ่งเราสามารถ ทดลองขออนุมัติไปก่อน ถ้าผ่าน แล้วจึงค่อยทำการสมัครดีกว่า เกิดไม่ผ่าน จะได้ไม่ต้องเสียค่ารายเดือน
หมวดสินค้าที่ต้องขอก่อน มีดังนี้ครับ
• Automotive Parts / Motorcycle & ATV (ชิ้นส่วนรถยนต์ และ มอเตอร์ไซด์)
• Clothing, Accessories & Luggage (เสื้อผ้า อุปกรณ์ และกระเป๋าใส่)
• Collectible Books (หนังสือ เฉพาะหนังสือที่เอาไว้สะสม)
• Entertainment Collectibles (ของสะสม ที่เกี่ยวกับ ความบันเทิงต่าง ๆ )
• Industrial & Scientific (อุปกรณ์ที่ใช้ในห้องแลปวิทยาศาสตร์ หรือใช้ในระบบอุตสาหกรรม)
• Jewelry (เครื่องประดับ)
• Shoes (รองเท้า)
• Sports Collectibles (ของสะสมที่เกี่ยวกับทางด้านกีฬา)
• Toys & Games (holiday approval only) (ของเล่นละเกมส์ เฉพาะช่วงมหกรรม ขายสินค้าปลายปีของเมืองนอก ช่องที่เหลือไม่ต้องขอ ขายได้เลย)
• Watches (นาฬิกาทุกชนิด)
แต่ละหมวด จะมีความต้องการ หรือ Requirement แตกต่างกันไปเล็กน้อย ซึ่งเราต้องแสดงให้เจ้าหน้าที่เขาเห็นก่อน
อันนี้ไม่เยอะมาก เดี๋ยวผมจะมาลงรายละเอียดให้ทีละหมวดเลยล่ะกัน ว่าแต่ละหมวด ต้องการแสดงอะไรให้เจ้าหน้าที่เขาเห้นบ้าง
ปล. ขอครั้งแรก ไม่ผ่านไม่เป็นไรครับ เพราะผมต้องขอเขาไป 4 ครั้งกว่าจะผ่าน เพราะติดที่เรื่องรูปสินค้านี่แหละ
09 พฤศจิกายน 2555
08 พฤศจิกายน 2555
Your Info and Policies
อันสุดท้าย ที่ผมแนะนำให้ตั้งก่อน เปิดร้านเพื่อช่วยให้ลูกค้า มั่นใจยิ่งขึ้นในการซื้อสินค้าจากเรา ก็คือ Your Info and Policies
เมื่อ เข้าไปที่หัวข้อนี้ เราจะสามารถ ให้ข้อมูลกับลูกค้า ในด้านนโยบายต่าง ๆ ของร้าน เช่น เงื่อนไข ในการรับคืนสินค้า เงื่อนไขในการส่ง หรือ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าเราก็ได้
เมื่อ เข้าไปที่หัวข้อนี้ เราจะสามารถ ให้ข้อมูลกับลูกค้า ในด้านนโยบายต่าง ๆ ของร้าน เช่น เงื่อนไข ในการรับคืนสินค้า เงื่อนไขในการส่ง หรือ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าเราก็ได้
05 พฤศจิกายน 2555
Shipping Settings การคิดค่าส่ง และ วิธีการส่ง
ผู้ขายแบบ Professional สามารถตั้งสถานที่ส่ง วิธีการส่ง และค่าส่งสินค้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง โดยหลัก ๆ แล้ว จะสามารถคิดค่าส่งได้ 3 แบบคือ ผมคิดว่าแต่แบบ มีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกัน
1. คิด ค่าส่งจากราคาสินค้าที่ซื้อ - อันนี้ผมว่าเหมาะกับร้านที่มีสินค้า ที่มีระดับราคา กว้าง ก็คือ มีมันตั้งแต่ถูก ๆ ไปยังแพง สินค้าแพงยอมจ่ายค่าส่งที่แพงเพื่อให้ได้บริการที่ปลอดภัยกว่า ตามราคา นี่ก็คือราคาสินค้าทั้งหมดในรถเข็นนะครับ ไม่ว่าจะกี่ชิ้น อะไรบ้าง ก็รวมกันหมด
2. คิดค่าส่งจากจำนวนชิ้นสินค้าที่ซื้อ - ผมว่าเหมาะกับร้านที่สินค้าในร้าน มีราคาและน้ำหนักแต่ละชิ้น ค่อนข้างใกล้เคียงกัน
3. คิดค่าส่งตามน้ำหนักสินค้า - อันนี้ผมว่า เหมาะกันสินค้าหนัก ๆ หรือคิดราคาสินค้าจากน้ำหนักของสินค้าเลย
ทั้ง นี้ เป็นเพียงความเห็นของผมนะครับ แต่ละร้านอาจจะมีกลยุทธ หรือวิธีการคิดค่าส่งไม่เหมือนกันเลยก็ได้ ทั้ง ๆ ที่สินค้าอาจเป็นแบบเดียวกัน
ทีนี้ มาดูวิธีในการตั้งค่าส่ง และวิธีการส่งกันดีกว่า
เมื่อเข้าไปในเมนู Shipping Settings แล้วหน้าแรกจะเป็นแบบนี้
01 พฤศจิกายน 2555
เรื่องการตั้ง Account Info และเมนูย่อยต่าง ๆ
แต่งตัวก่อนขายของที่ Account Info
ที่นี้ เรามารู้จักเมนูต่าง ๆ หลังร้านกันก่อนดีกว่า
หลังจาก Log in เข้าไปที่ Seller Central แล้วเราจะเจอเมนูต่าง ๆ อยู่ทางมุมซ้ายบน ของหน้าจอ
มาเริ่มจากเมนู ขวาสุดก่อนเลยครับ
Settings เมนูนี้จะใช้ในการตั้งค่าระบบต่าง ๆ ของร้าน ผมแนะนำให้ตั้งค่าเหล่านี้ก่อนขายนะครับ
ที่นี้ เรามารู้จักเมนูต่าง ๆ หลังร้านกันก่อนดีกว่า
หลังจาก Log in เข้าไปที่ Seller Central แล้วเราจะเจอเมนูต่าง ๆ อยู่ทางมุมซ้ายบน ของหน้าจอ
มาเริ่มจากเมนู ขวาสุดก่อนเลยครับ
Settings เมนูนี้จะใช้ในการตั้งค่าระบบต่าง ๆ ของร้าน ผมแนะนำให้ตั้งค่าเหล่านี้ก่อนขายนะครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)