สวัสดีครับ
วันนี้ผมว้าวุ้นใจเหลือเกิน ผมไม่ได้มีความรู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว มันเหมือนผมได้กลับไปเป็นคนหัดขายอีเบย์อีกครั้งครับ
ปีที่ผ่าน ๆ มา ผมโดนแบน ผมก็ไม่กลัวและไม่คิดที่อยากจะได้ ID คืน ผมรู้ดีว่าผมผิดที่ขายของผิดลิขสิทข์
แต่ทำไมละ เมื่อบ่าย ๆ นี้ผมโดนแบนแล้วรู้สึกเจ็บ เสียดายขึ้นมา...อีกครั้ง
หมวดหมู่ของบทความ
การโดนลิมิต
(16)
การถ่ายรูปสินค้า
(5)
การลิสต์สินค้า
(12)
การส่งสินค้า
(23)
เกี่ยวกับร้านค้า store
(3)
เกี่ยวกับลูกค้า
(14)
ค่าธรรมเนียม
(7)
ซื้อของอีเบย์
(11)
ทั่วไปเกี่ยวกับอีเบย์
(29)
ทำความรู้จักกับอีเบย์
(12)
ประกาศจากอีเบย์
(9)
ปัญหาทั่วไป
(10)
เผยเทคนิคอีเบย์
(23)
เพพาล PayPal
(13)
มือใหม่
(13)
แม่แบบจดหมาย
(23)
เริ่มต้นธุรกิจแบบมืออาชีพ
(15)
สมัครเป็นคนขาย
(1)
ไอเดียขายสินค้า
(16)
amazon
(15)
etsy
(5)
feedback และ DSR
(14)
MC code แบบต่างๆ
(4)
ทักทายกันหน่อย
สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่เวบไซต์ Thai ebaY Articles ผมตั้งใจทำเวบนี้ขึ้นมาเพื่อรวมรวบสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับอีเบย์ให้อ่านง่ายขึ้นครับ ... ขอบคุณครับ
30 มิถุนายน 2554
MC004 eBay Listing Removed: Trademark Violation - Unauthorized Item
ลักษณะอย่างนี้คือขายของละเมิดลิขสิทธิ์ครับ โดนเอาดื้อๆ ไม่มีปี่มีขลุ่ย แล้วอีกเมล์ที่จะตามมา ก็คือ
ทำผิดอย่างนี้ถือว่าเราละเมิดกฎของอีเบย์ จะมีผลต่อ seller performance ด้วยนะจ๊ะ
MC004 Temporary Selling Restrictionแล้วคุณก็จะโดนห้ามลงขาย 7 วัน, 30 วัน และตลอดกาล ตามลำดับความทำผิดซ้ำซาก
ทำผิดอย่างนี้ถือว่าเราละเมิดกฎของอีเบย์ จะมีผลต่อ seller performance ด้วยนะจ๊ะ
เผลอไปกดยกเลิกบัตรเครดิต Visa ในK shopping Cardจะมีปัญหากับบัญชีของ PayPal มั้ย?
Question
เผลอไปกดยกเลิกบัตรเครดิต Visa ในK shopping Cardจะมีปัญหากับบัญชีของ PayPal มั้ย?
แต่พอหลังจากทำการยกเลิกไป แอบเข้าไปใน PayPal บัญชียังใช้การได้อยู่นะครับ
กลัวว่าในอนาคต จะส่งผลอย่างไรมั้ยครับ
รบกวนช่วยแนะนำวิธีแก้ด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ
เผลอไปกดยกเลิกบัตรเครดิต Visa ในK shopping Cardจะมีปัญหากับบัญชีของ PayPal มั้ย?
แต่พอหลังจากทำการยกเลิกไป แอบเข้าไปใน PayPal บัญชียังใช้การได้อยู่นะครับ
กลัวว่าในอนาคต จะส่งผลอย่างไรมั้ยครับ
รบกวนช่วยแนะนำวิธีแก้ด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ
29 มิถุนายน 2554
อย่าอยู่แค่ในกรอบ วิธีจับเสือมือเปล่า....มาเฟียอินเลิฟ
สวัสดีครับ ช่วงนี้ผมเอาแต่ spam board แซวชาวบ้านเค้าไปทั่ว ไร้สาระไปวันๆ
วันนี้ผมจะมาแนะนำธุรกิจที่เกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต และสร้างรายได้ได้จริง อาจจะดูว่า
พูดเหมือนกับ MLM แต่ไม่ใช่นะคับ อย่าเข้าใจผิด ผมทำยังไง ขายอะไร ได้เท่าไหร่
คงจะมีคนสงสัยกันมากๆ กระทู้นี้อาจจะไม่เกี่ยวอะไรกันกับบอร์ดพี่พรานเลยสักนิด
ผมมีช่วงชีวิตที่ลำบากมากอยู่ช่วงนึง หลายๆ คนอาจจะได้ตามอ่านมาบ้าง ผมไม่มีเงิน
ที่จะไปเปิดร้าน นั่งคิดอยู่ว่าเราจะหาเงินได้ยังไง ก็เลยใช้ความรู้เล็กน้อยที่ผมมีเนี่ย
ในโลก Internet marketing เนี่ยหาเงิน เชื่อไหมครับว่าผมไม่ต้องมีทุนในการหาสินค้า
มาขายเลย แต่ให้ผมขายผมขายได้นะ
วันนี้ผมจะมาแนะนำธุรกิจที่เกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต และสร้างรายได้ได้จริง อาจจะดูว่า
พูดเหมือนกับ MLM แต่ไม่ใช่นะคับ อย่าเข้าใจผิด ผมทำยังไง ขายอะไร ได้เท่าไหร่
คงจะมีคนสงสัยกันมากๆ กระทู้นี้อาจจะไม่เกี่ยวอะไรกันกับบอร์ดพี่พรานเลยสักนิด
ผมมีช่วงชีวิตที่ลำบากมากอยู่ช่วงนึง หลายๆ คนอาจจะได้ตามอ่านมาบ้าง ผมไม่มีเงิน
ที่จะไปเปิดร้าน นั่งคิดอยู่ว่าเราจะหาเงินได้ยังไง ก็เลยใช้ความรู้เล็กน้อยที่ผมมีเนี่ย
ในโลก Internet marketing เนี่ยหาเงิน เชื่อไหมครับว่าผมไม่ต้องมีทุนในการหาสินค้า
มาขายเลย แต่ให้ผมขายผมขายได้นะ
4 เทคนิคการจับเสือมือเปล่า ในธุรกิจ อีเบย์
การจับเสือมือเปล่า ภาษาในทางธุรกิจนั้นคือ การลงทุนโดยเราไม่จำเป็นต้องออกค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด เหมือนกับการจับแพะชนแกะ แล้วเราก็ได้ค่าคอมมิชชั่น เป็นต้น ดังนั้นสำหรับในธุรกิจอีเบย์นั้น ผมก็มีเทคนิคหลักการแบบง่ายๆ ซึ่งใช้ทรัพยากรรอบตัวเรา ซึ่งมี 4 เทคนิค โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
27 มิถุนายน 2554
จะให้ลูกค้าแก้ Neg อย่างไรครับ
Question
โดน เนค มาครับ แล้วคราวนี้ลูกค้า ก็จะแก้ให้แล้ว แต่เขาบอกให้ส่งแบบฟอร์มอะไรมาเนี่ยแหละครับ
ต้องทำอย่างไรครับ
+1ทุกคำตอบครับผม
โดน เนค มาครับ แล้วคราวนี้ลูกค้า ก็จะแก้ให้แล้ว แต่เขาบอกให้ส่งแบบฟอร์มอะไรมาเนี่ยแหละครับ
ต้องทำอย่างไรครับ
+1ทุกคำตอบครับผม
you've had too many duplicate auction-style listings that didn't end in a sale.
Question
สวัสดีครับ
อยู่ๆก็ได้เมล์นี้มา และก็โดนลบสินค้าออกหมดเลยครับ อ่านแล้วก็ไม่เข้าใจสักทีว่ามันคืออะไร และต้องทำไงต่อไปดีครับ
รบกวนผู้เชี่ยวชาญช่วยไขข้อข้องใจให้ด้วยนะครับ
สวัสดีครับ
อยู่ๆก็ได้เมล์นี้มา และก็โดนลบสินค้าออกหมดเลยครับ อ่านแล้วก็ไม่เข้าใจสักทีว่ามันคืออะไร และต้องทำไงต่อไปดีครับ
รบกวนผู้เชี่ยวชาญช่วยไขข้อข้องใจให้ด้วยนะครับ
25 มิถุนายน 2554
สุดคลั่ง ! ชายไทยประกาศขาย Final Fantasy ยกเซ็ตใน eBay ราคาเริ่มที่ $14,900 !!!!
ใครที่เป็นแฟนเกม Final Fantasy มาเห็นข่าวนี้อาจจะต้องท้อใจนิดนึงนะครับ เนื่องด้วยในเว็บซื้อขาย ประมูลสินค้าชื่อดังอย่าง eBay ได้มีชายไทยนามแฝงว่า undkodlor เข้า มาประกาศขายชุดเกม Final Fantasy ของแท้แบบครบเซ็ต ไล่ตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาคล่าสุด ซึ่งนั่นก็ยังรวมถึงภาคเสริมและภาคพิเศษต่างๆอีกด้วย
โดยราคาเริ่มต้นของการประมูลอยู่ที่ $14,900 (ประมาณ 450,000 บาท) ซึ่งถ้าใครสนใจหรืออยากทราบว่ามีภาคอะไรบ้างก็เข้าไปใน eBay ตามในลิ้งค์เลยครับ
โดยราคาเริ่มต้นของการประมูลอยู่ที่ $14,900 (ประมาณ 450,000 บาท) ซึ่งถ้าใครสนใจหรืออยากทราบว่ามีภาคอะไรบ้างก็เข้าไปใน eBay ตามในลิ้งค์เลยครับ
หัวใจหลักของ ebay คือ 4Ps แต่จุดกำเนิดคือตัว T
วันนี้ได้มีโอกาสอ่านบทความของนิตยสารเล่มหนึ่ง เป็นบทความที่พูดถึงบุคคลคนหนึ่ง นั้นก็คือ Pierre Omidyar ผู้ก่อตั้ง ebay.com โดยในนิตยสารพูดถึงความสำเร็จของ ebay นั้นก็คือ 4Ps (Product:สินค้า, Price:ราคา, Place:สถานที่ และ Promotion:โฆษณา) แต่จุดกำเนิดก็ ebay คือ ตัว T (Trust: ความเชื่อใจ) เพราะว่าการซื้อขายของใน ebay นั้นเป็นการซื้อของแบบ เงินมาของไป ถ้าไม่มีความเชื่อใจกันแล้ว การค้าขายคงไม่สำเร็จ และ ebay.com คงไม่มีในวันนี้
ที่มา todsapon
ที่มา todsapon
รถยังไม่มา แต่ใครใจร้อนไปซื้อใน ebay รอไว้ก่อนเลย : HFP Honda 2012
2012 CIVIC NEW HONDA HFP 18x7 RIMS GENUINE OEM
ไม่แน่ใจว่าผิดกฏมั๊ย .. ถ้าผิดลบได้เลย ลบมันไปได้เลย ..เอาไปเลย ให้ไปเลย
ไม่แน่ใจว่าผิดกฏมั๊ย .. ถ้าผิดลบได้เลย ลบมันไปได้เลย ..เอาไปเลย ให้ไปเลย
12 ของแปลกที่มีการซื้อขายผ่าน eBay จริงๆ
12. คุณยายอายุ 61 ปีหนูน้อย Zoe วัย 10 ขวบ ตั้งใจที่จะขายคุณยายของเธอเล่นๆใน eBay เพราะเธอรักคุณยายของเธอมากๆ
คุณยายใจดี รัก Zoe และZoe ก็ชอบกอดคุณยายเพราะรู้สึกเหมือนกอดตุ๊กตาหมี และด้วยความรักของหลานคนนี้ เด็กน้อย Zoe
จึงแสดงให้เห็นถึงความฉลาดและเอาคุณยายของเธอไปลงขายใน eBay (ขอย้ำอีกทีว่าตั้งใจลงเล่นๆ) จากคำอธิบายสินค้าของเธอ
ดันมีคนสนใจเยอะแยะและมีการประมูลขึ้นไปสูงถึง USD 20,000 ... เกือบจะเกิดเรื่องเศร้าจริงๆจนเมื่อระยะเวลาประมูลใกล้จะสิ้นสุด
คุณยายใจดี รัก Zoe และZoe ก็ชอบกอดคุณยายเพราะรู้สึกเหมือนกอดตุ๊กตาหมี และด้วยความรักของหลานคนนี้ เด็กน้อย Zoe
จึงแสดงให้เห็นถึงความฉลาดและเอาคุณยายของเธอไปลงขายใน eBay (ขอย้ำอีกทีว่าตั้งใจลงเล่นๆ) จากคำอธิบายสินค้าของเธอ
ดันมีคนสนใจเยอะแยะและมีการประมูลขึ้นไปสูงถึง USD 20,000 ... เกือบจะเกิดเรื่องเศร้าจริงๆจนเมื่อระยะเวลาประมูลใกล้จะสิ้นสุด
eBay apps for Android
eBay เปิดตัว Android apps อย่างเป็นทางการตอบสนองผู้ใช้ที่ต้องการขายสินค้าก็สามารถทำได้เช่นเดียวกับ ที่ใช้งานจากเว็บไซต์บนเครื่อง PC เมื่อใดที่ต้องการขายสินค้าก็สามารถเข้าไปสร้าง,แก้ไข และเพิ่มหรือลบรายชื่อออกจากรายการสินค้าผ่านทางมือถือ Android ได้โดยตรง สิ่งที่เพิ่มเติมจากเวอร์ชัน PC คือ
23 มิถุนายน 2554
-- แบ่งปันประสบการณ์การเป็นแม่ค้าออนไลน์ค่ะ --
มาขอแบ่งปันประสบการ์การเป็นแม่ค้าออนไลน์จะครบ 4 ปีในไม่กี่วันนี้แล้วค่ะ
จ้อยเป็นแม่ค้าออนไลด์ด้วยเหตุบังเอิญ และมีมหากาพย์ห้องแป้งทำให้คุณวรพจน์นอน ตี 3 (ฮ่าฮ่า)
และน่าจะเป็นผู้เปิดศักราชว่าบล็อกแก๊งค์คือพื้นที่ส่วนตัว
สมาชิกสามารถขายของในบล็อกได้ (ตอนนั้นจ้อยแป่ะแบรนด์เนอร์ร้านเฉยๆค่ะ)
เอาเป็นว่าขอรวบรัดตัดความตอนนี้ไป(ดีกว่า)
เน้นเนื้อๆเป็นแนวทางให้คนที่อยากมีร้านออนไลน์ลองดูเป็นกรณีศึกษานะคะ
ลักษณะของสินค้าที่จ้อยขาย
1. เป็นสินค้าที่ซื้อมาขายไป ( 10%)
2. เป็นสินค้าที่จ้างผลิต (15%)
3. เป็นสินค้าที่ผลิตเอง (75%)
แหล่งของสินค้า
1. สินค้าที่ซื้อมาขายไป
อากู๋(Google) และ Yellow Pagage ช่วยท่านได้ค่ะ หาแหล่งสินค้าที่ดีที่สุดแต่ราคาถูกที่สุด
อย่าขี้เกียจหาค่ะ ต้องหาข้อมูลเยอะๆเราถึงได้ได้ต้นทุนที่ต่ำที่สุดค่ะ
2. สินค้าที่จ้างผลิต
จ้อยเอาสิ่งที่จ้อยรู้จักดีมาก่อนอยู่แล้วมาเป็นสินค้าในร้าน จึงโชคดีที่รู้จักผู้ผลิตโดยตรงค่ะ
เนื่องจากสินค้าของจ้อยเป็นแนวธรรมชาติ จ้อยจึงต่อยอดจากสินค้า Otop ระดับ 4 – 5 ดาว
แล้วปรับปรุงพัฒนาเป็นสูตรเฉพาะเพื่อขายในแบรนด์ของเราค่ะ
3. สินค้าที่ผลิตเอง
นอกจาก อากู๋(Google) และ Yellow Pagage ที่ช่วยเราได้แล้ว
Connection ที่มีถูกงัดมาใช้หมด วงศ์วานว่านเครือ กัลยาณมิตรถูกใช้หมด(ฮ่าฮ่า) จ้อยถามค่ะจ้อยอยากได้ไอ้นี่ไอ้นั่น ใครรู้จักบ้างมั้ย
ซึ่งทำให้เราได้รู้จักคนตรงสาขาที่เราต้องการ ได้ปรึกษาได้ความรู้มากมายค่ะ
สำหรับสินค้าที่ผลิตเอง จ้อยก็ชั่งใจเราจะวาง Positioning สินค้าของเราไว้ตรงไหน เราจะมีจุดแข็งของสินค้าของเราอย่างไร
สำหรับ จ้อยจ้อยตัดสินใจเอาตัวเองเป็นมาตรฐานค่ะ เราใช้ยังไงเราก็จะทำขายอย่างนั้น ดังนั้นหากเราเอาตัวเราเป็นมาตรฐานเราย่อมอยากใช้ของที่ดีที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าต้นทุนย่อมสูงกว่าคนอื่น
แต่หลังจากที่เรารู้เขารู้เรารู้จักสินค้าของร้านอื่น เรามั่นใจว่าเรา”แตกต่าง”
และจ้อยรู้ว่าสินค้าที่จ้อยขาย แน่นอนว่านอกจากคุณภาพต้องดีแต่มีอีกอย่างหนึ่งคือ”ความพึงพอใจ”ในตัวสินค้าค่ะ
แน่นอนว่าต้นทุนจ้อยสูงกว่า แต่จ้อยคาดหวังว่าต้องมีผู้ซื้อจำนวนหนึ่งที่”ชอบเหมือนเรา”
หลังจากหาแหล่งวัตถุดิบที่อยู่ในมาตรฐานของเราแล้ว จ้อยจะมาดูเรื่องการผลิตค่ะ เนื่องจากสินค้าที่จ้อยผลิตต้องได้รับอนญาติจาก อย.
ดังนั้นจ้อยก็จำเป็นในการลงทุนเรื่องที่ผลิต อุปกรณ์การผลิตให้ได้ตามมาตรฐานของ อย. คนผลิตสบายใจคนใช้มั่นใจด้วยค่ะ
ต่อมาคือเรื่อง Packaging ค่ะ ในระแยะแรกจ้อยก็ใช้ตลับที่หาซื้อได้ทั่วไปที่หลานหลวงค่ะ
และด้วยมาตรฐานส่วนตัวอีกนั่นแหล่ะ ที่ต้องการความแตกต่าง ก็พยายามหาตลับอย่างที่เราอยากได้
งานนี้ได้กัลยาณมิตรหาโรงงานให้ได้ค่ะ แน่นอนต้นทุนสูงกว่าร้านอื่นอีกตามระเบียบ กำไรต่อหน่วยน้อยกว่าร้านอื่นอยู่แล้ว
แต่จุดมุ่งหมายของเราคือต้องดีที่สุดในมาตรฐานของเรา เราไม่ได้ต้องการแค่กำไรสูงสุด แม่เคยสอนว่า”กินคำเล็กๆอย่ากินคำโต”
ดังนั้นหากต้นทุนโดยรวมเราอาจสูงกว่าร้านอื่นแต่เป็นกำไรที่ทำให้เราอยู่ได้ และภาพลักษณ์ของสินค้าเรา”แตกต่าง”
สำหรับจ้อยจ้อยพอใจค่ะ
เปิดร้านออนไลน์แบบไหนดี
ตั้งแต่แรกถึงปัจจุบันจ้อยก็ใช้ร้านออนไลน์สำเร็จรูปนี่แหล่ะค่ะ ใช้ welove สาเหตุที่เลือกเพราะว่าเป็นร้านออนไลน์ที่ใหญ่มาก
คนขายเยอะคนซื้อก็แยะ เอามันง่ายๆก่อนดีกว่าเพราะจ้อยไม่เก่งกาจสามารถทำเวปเองได้(ในตอนนั้น)
ขอบอกว่า welove เป็นร้านออนไลน์สำเร็จรูปที่คงเส้นคงว่ามากค่ะ ล่มได้สม่ำเสมอ(ฮ่าฮ่า)
แต่ตอนนี้ร้านของจ้อยเติบโตไปได้ด้วยดีมากๆ จ้อยเห็นว่าเราต้องโตขึ้นเป็นมืออาชีพมากขึ้น
ตอนนี้กำลังทำเวปใหม่เป็นของตัวเอง เช่าโฮสเอง คงจะได้ย้ายในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้แล้ว
แต่ถึงจะย้ายมีเวปเป็นของตัวเอง จ้อยก็ยังจำเป็นต้องเช่า welove ต่อไปเหมือนเดิมค่ะ
แต่เช่าแพคเกตที่ถูกที่สุด เหมือนว่าถึงเราจะย้ายบ้านก็ต้องติดประกาศที้บ้านเดิมว่าบ้านใหม่เราอยู่ตรงไหนค่ะ
PR
ตอนทำร้านใหม่ๆจ้อยไปแป่ะประชาสัมพันธ์สินค้าของเราตามฟรีเวบบอร์ดที่เค้าให้เราแปะฟรีได้ค่ะ
จ้อยไม่ได้ทำ SEO เพราะโชคดีที่สินค้าที่จ้อยขายมีน้อยรายและบางประเภทจ้อยเป็นผู้ขายรายเดียวในประเทศ ก็เลยโชคดีไป
แต่ตอนนี้ Social networking มาแรง จ้อยมีแผนในการโปรโมทที่ Twitter , Facebook ค่ะ
โดยให้ระบบของเวปใหม่เชื่อมต่อไปยัง Twitter , Facebook ได้ด้วย
สำหรับ Facebook ก็ศึกษาการลง App ต่างๆเพื่อให้ Facebook เราแตกต่างเป็นที่น่าสนใจค่ะ
จัดกิจกรรมใน Facebook เล่นเกมแจกของมั่ง น่าจะดีค่ะ เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้ลูกค้าติดต่อเราได้ใกล้ชิดขึ้น
เพิ่มเติม
เวปใหม่จะสามารถแป่ะคลิปจากยูทูปได้ด้วย
ตอนนี้จ้อยเปิด Channel ในยูทูปแล้ว จะเริ่มทะยอยทำคลิปเพื่อส่งสริมการขายค่ะ
การขาย
Service mind
สำหรับผู้ที่จะลงมาเป็นแม่ค้าพ่อค้า ไม่ว่าจะสมัครเล่นหรือเอาจริง ขอให้ยึดคำนี้ไว้เลย “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” “ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน”
สำหรับการขายออนไลน์มีความซับซ้อนจะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยาก เนื่องจากลูกค้าไม่ได้สัมผัสเห็นของจริง
ดังนั้นการ”สื่อสาร”จึงสำคัญมากค่ะ ไม่ว่าจะตอบทาง Webboard การตอบเมล์ การตอบทางโทรศัพท์
ถ้ารักจะขายก็ต้องอดทนและใจเย็น เพราะคุณจะเจอลูกค้า(และหากซวยคุณจะเจอมิจฉาชีพด้วย)ทุกรูปแบบ
สำหรับจ้อยถือคติว่า “จะไม่เหวี่ยงใส่ลูกค้าไม่ว่ากรณีใดๆ” “ไม่เป็นไรค่ะ””ขอโทษค่ะ” จ้อยว่าความจริงใจและความนุ่มนวลดีที่สุด
ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จำทำร้ายคนอื่นด้วยคำพูดเพื่อความสะใจ มธุรสวาจาที่มาจากความจริงใจไม่ต้องซื้อแต่มูลค่าสูงลิบ
แค่เอาใจเขามาใส่ใจเราว่าหากเราเป็นผู้ซื้อเราอยากเจอผู้ขายอย่างไร ครั้นพอเรามาเป็นผู้ขายก็จงเป็นผู้ขายแบบที่เราเคยอยากเจอ
จ้อยเชื่อของจ้อยอย่างนึง(ซึ่งแปลกแต่จริง)ว่าพอเราเป็นผู้ซื้อที่ไม่เรื่องมากกับ Supplier เราก็มักจะเจอลูกค้าดีๆเหมือนกันแฮะ
Transport
เนื่องจากการขายออนไลน์เราต้องพึ่งบริการของพี่ ปณ.
ดังนั้นแม่ค้าออนไลน์ต้องเรียนรู้การแพคของส่งที่จะทำให้สินค้าเราบุบสลายน้อยที่สุด
อยากช่วยลดโลกร้อนเหมือนกันค่ะ แต่ว่าในบางเรื่องยังจำเป็นต้องรักษาคุณภาพการบริการ
เช่น ในการแพคสินค้าสำหรับจ้อยจ้อยจะเอาสินค้าใส่ถุงพลาสติคก่อน 1 ชั้น ห่อบัปเปิ้ลห่อมันเข้าไปอย่าได้เขียม แล้วใส่ถุงพลาสติคกันฝนอีก 1 รอบ
หาก ใส่กล่องต้องเอาถุงพลาสติคห่อสินค้ากันหมึกจากหนังสือพิมพ์เปื่อนใส่ก่อน 1 ชั้น แล้วใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ขยุ้มใส่ลงไปไม่ให้สินค้ากลิ้งไปมาได้
หากเป็นสินค้าขวดแก้วคอคอด ให้พันคอขวดด้วยกระดาษให้มีขนาดเท่าขวดจะห้องการคอขวดแตกหักได้ เป็นต้น
แล้วจ้อยค่อยไปช่วยลดโลกร้อนด้วยการใช้กระดาษ Reused ในการพิมพ์ใบสั่งของของลูกค้าแทนค่ะ
Term&Condition
จ้อยว่าจ้อยเป็นร้านออนไลน์ที่แจ้งเงื่อนไขต่างๆไว้เยอะมาก - -“
เช่น จะส่งของวันไหนบ้าง กรณีที่สินค้าหมดจ้อยยืนดีคืนเงินให้หรือให้เลือกสินค้าในราคาเท่ากันหรือสูงกว่าแล้วแต่กรณีไป
หรือ เรื่องความรับผิดชอบก็บอกไว้ค่อนข้างละเอียด เช่น หากลูกค้าเลือกส่งแบบอีเอ็มเอสแล้วเราดันส่งแบบลงทะเบียน
จ้อยจะรับผิดชอบด้วยการยินดีโอนเงินให้ 15 บาท(ร้านจ้อยส่งลงทะเบียนคิด 30 บาท ส่งอีเอ็มเอส 45 บาทค่ะ)
หรือให้ลูกค้าเลือกให้ส่งฟรีแบบลงทะเบียนฟรีในการสั่งของครั้งต่อไป เป็นต้น
จ้อยว่าเราเขียนมันชัดๆตรงๆให้ลูกค้ารับทราบนี่แหล่ะดีที่สุดๆ
เป็นเงื่อนไขที่แสดงความรับผิดชอบเต็มที่ของเราโดยไม่เอาเปรียบลูกค้า วินวินกันทั้งคนขายสบายใจคนซื้อค่ะ
รับมือมิจฉาชีพพอสังเขป
1. อย่าส่งของเพราะแค่ลูกค้าแจ้งโอนเงินทางโทรศัพท์ โดยที่ไม่ได้เช็คยอดว่ามีเงินเข้าจริงๆรึปล่าว
อย่าเชื่อใบแสกน อย่าเชื่อแคปเจอร์การโอนออนไลน์ ต้องเช็คและเห็นยอดเงินเท่านั้น
เดี๋ยวนี้หลายแบงค์มีบริการ sms alert เช่น scb คิดค่าบริการปีละ 99 บาท
เอาน่ากำไรไม่ได้ลดลงจนเราล่มจมหรอกค่ะ สมัครโล่ด
2. ให้ลูกค้าเก็บหลักฐานการโอนและเก็บรายละเอียดการโอนบางอย่างไว้ อย่าได้โพสแจ้งที่ WB มาทั้งหมด
เช่น ให้ลูกค้าเก็บสาขาและเวลาที่โอนไว้ อย่าได้โพสแจ้งโอนแบบใส่รายละเอียดแบบจัดหนักครบมาเลย
เพราะกรณีที่มีคนแจ้งโอนซ้ำซ้อนแต่ยอดโอนมาเพียงยอดเดียว
เราจะได้โทรกลับไปสอบถามรายละเอียดการโอนเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของเงินที่แท้จริงได้
3. หากมีการนัดรับของ ให้จ่ายแบบแฮนด์ทูแฮนด์ มาจ่ายกันตอนรับของได้เลย
คนขายสบายใจดี คนซื้อไม่ต้องไปเสียเวลาโอนก่อน
ถ้าจ่ายมาด้วยการโอนทางธนาคาร ขอส่งให้ทาง ปณ.สถานเดียว
หรือหากโอนมาแล้วแต่ต้องการแวะมารับเอง แจ้งลูกค้าไปเลยว่าตอนมารับของ นอกจากหลักฐานการโอนแล้วเราขอดูและถ่ายสำเนาบัตรประชาชน
และขอถ่ายรูปคู่ด้วย ถ้าลูกค้าโอเคเราก็โอเค
ให้พิจารณาและตกลงกับลูกค้าเป็นกรณีๆไปนะคะ
อันนี้จ้อยไม่เคยเจอค่ะ แต่ว่าหลานจ้อยเคยเจอค่ะ
หลานจ้อยขายสินค้าที่ต่อชิ้นมูลค่าสูงหลักหลายพัน
ที่เจอมาคือลูกค้ามาซื้อแว่นตาเรย์แบนราคา 7500 บาท แต่โอนเงินมา หมื่นกว่าๆ
ซึ่งดูผิดปกติมาก แล้วลูกค้าบอกว่าบังเอิญแวะมาแถวที่ทำงานของหลานขอแวะรับของเลย
หลานจ้อยก็แจ้งว่างั้นรบกวนขอสลิปใบโอนเงินด้วยพร้อมขออนุญาตสำเนาบัตรประชาชนไว้
ทางนั้นก็บ่ายเบี่ยงบอกว่าสลิปเงินโอนหายแล้ว หลานจ้อยก็บอกว่ารบกวนอัพบุ๊คมาให้ดูก็ได้
ทางนั้นก็บอกว่าไม่สะดวกไปแบงค์ หลายจ้อยบอกว่างั้นมาอัพแถวที่ทำงานได้ค่ะ เพราะมีธนาคารย่อยใกล้ที่ทำงาน
ทางนั้นก็บ่ายเบี่ยงอีกว่าบุ๊คอยู่บ้าน ตอนนี้อยู่คอนโดไม่สะดวก บัตรประชาชนอยู่บ้าน บราๆๆๆ
สรุปว่าหลานจ้อยบอกงั้นขออนุญาตนัดรับของที่สถานีตำรวจนะคะ ขอลงบันทึกประจำวันค่ะ
เท่านั้นแล ด่ากราดมาเป็นชุด บอกว่าจะไปประจานที่เวป
หลานจ้อยก็ยืนยันว่าถ้านัดรับของและขอเงินส่วนเกินคืนถ้าไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันเลย
ขอนัดส่งมอบของและเงินส่วนเกินที่สถานีตำรวจเท่านั้น
มัน(คาดว่าเป็นมิจฉาชีพ)ก็โทรมาข่มขู่ 2-3 ครั้ง ว่ารู้นะว่าอยู่แถวไหน จะไปดักตบ
หลานจ้อยเลยไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน แล้วเผอิญตอนที่อยู่โรงพักมันโทรมาพอดี เลยได้พูดกับร้อยเวร(ฮ่าฮ่า)
แล้วอีกประมาณ 1 เดือน ก็มีธนาคารติดต่อมาว่ามีเจ้าของเงินตัวจริงติดต่อมาค่ะ
4 . กรณีที่มีการโอนยอดเงินที่ซื้อมา เกินมาก ผิดปกติ แล้วลูกค้าขอเงินส่วนเกินคืน เรายินดีคืนเงินให้
โดยหากอยากได้เงินคืนเป็นเงินสดก็เจอกันได้ที่โรงพัก และขอให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และรบกวนนำหลักฐานการโอนเงินมาด้วย
หากจะให้เราโอนเงินคืนให้ ก็ขอให้แสกนสลิปการโอน แจ้งรายละเอียด ชื่อเจ้าของ บ/ช ธนาคารที่โอน เวลาที่โอนมาด้วย
เราเอาไปตรวจสอบกับธนาคารได้ค่ะ
และขอสำเนาบัตร ปชช. เพราะเราขอไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานก่อน และจะโอนคืนให้เจ้าของ บ/ชที่โอนมาเท่านั้น
ที่มา pantip
จ้อยเป็นแม่ค้าออนไลด์ด้วยเหตุบังเอิญ และมีมหากาพย์ห้องแป้งทำให้คุณวรพจน์นอน ตี 3 (ฮ่าฮ่า)
และน่าจะเป็นผู้เปิดศักราชว่าบล็อกแก๊งค์คือพื้นที่ส่วนตัว
สมาชิกสามารถขายของในบล็อกได้ (ตอนนั้นจ้อยแป่ะแบรนด์เนอร์ร้านเฉยๆค่ะ)
เอาเป็นว่าขอรวบรัดตัดความตอนนี้ไป(ดีกว่า)
เน้นเนื้อๆเป็นแนวทางให้คนที่อยากมีร้านออนไลน์ลองดูเป็นกรณีศึกษานะคะ
ลักษณะของสินค้าที่จ้อยขาย
1. เป็นสินค้าที่ซื้อมาขายไป ( 10%)
2. เป็นสินค้าที่จ้างผลิต (15%)
3. เป็นสินค้าที่ผลิตเอง (75%)
แหล่งของสินค้า
1. สินค้าที่ซื้อมาขายไป
อากู๋(Google) และ Yellow Pagage ช่วยท่านได้ค่ะ หาแหล่งสินค้าที่ดีที่สุดแต่ราคาถูกที่สุด
อย่าขี้เกียจหาค่ะ ต้องหาข้อมูลเยอะๆเราถึงได้ได้ต้นทุนที่ต่ำที่สุดค่ะ
2. สินค้าที่จ้างผลิต
จ้อยเอาสิ่งที่จ้อยรู้จักดีมาก่อนอยู่แล้วมาเป็นสินค้าในร้าน จึงโชคดีที่รู้จักผู้ผลิตโดยตรงค่ะ
เนื่องจากสินค้าของจ้อยเป็นแนวธรรมชาติ จ้อยจึงต่อยอดจากสินค้า Otop ระดับ 4 – 5 ดาว
แล้วปรับปรุงพัฒนาเป็นสูตรเฉพาะเพื่อขายในแบรนด์ของเราค่ะ
3. สินค้าที่ผลิตเอง
นอกจาก อากู๋(Google) และ Yellow Pagage ที่ช่วยเราได้แล้ว
Connection ที่มีถูกงัดมาใช้หมด วงศ์วานว่านเครือ กัลยาณมิตรถูกใช้หมด(ฮ่าฮ่า) จ้อยถามค่ะจ้อยอยากได้ไอ้นี่ไอ้นั่น ใครรู้จักบ้างมั้ย
ซึ่งทำให้เราได้รู้จักคนตรงสาขาที่เราต้องการ ได้ปรึกษาได้ความรู้มากมายค่ะ
สำหรับสินค้าที่ผลิตเอง จ้อยก็ชั่งใจเราจะวาง Positioning สินค้าของเราไว้ตรงไหน เราจะมีจุดแข็งของสินค้าของเราอย่างไร
สำหรับ จ้อยจ้อยตัดสินใจเอาตัวเองเป็นมาตรฐานค่ะ เราใช้ยังไงเราก็จะทำขายอย่างนั้น ดังนั้นหากเราเอาตัวเราเป็นมาตรฐานเราย่อมอยากใช้ของที่ดีที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าต้นทุนย่อมสูงกว่าคนอื่น
แต่หลังจากที่เรารู้เขารู้เรารู้จักสินค้าของร้านอื่น เรามั่นใจว่าเรา”แตกต่าง”
และจ้อยรู้ว่าสินค้าที่จ้อยขาย แน่นอนว่านอกจากคุณภาพต้องดีแต่มีอีกอย่างหนึ่งคือ”ความพึงพอใจ”ในตัวสินค้าค่ะ
แน่นอนว่าต้นทุนจ้อยสูงกว่า แต่จ้อยคาดหวังว่าต้องมีผู้ซื้อจำนวนหนึ่งที่”ชอบเหมือนเรา”
หลังจากหาแหล่งวัตถุดิบที่อยู่ในมาตรฐานของเราแล้ว จ้อยจะมาดูเรื่องการผลิตค่ะ เนื่องจากสินค้าที่จ้อยผลิตต้องได้รับอนญาติจาก อย.
ดังนั้นจ้อยก็จำเป็นในการลงทุนเรื่องที่ผลิต อุปกรณ์การผลิตให้ได้ตามมาตรฐานของ อย. คนผลิตสบายใจคนใช้มั่นใจด้วยค่ะ
ต่อมาคือเรื่อง Packaging ค่ะ ในระแยะแรกจ้อยก็ใช้ตลับที่หาซื้อได้ทั่วไปที่หลานหลวงค่ะ
และด้วยมาตรฐานส่วนตัวอีกนั่นแหล่ะ ที่ต้องการความแตกต่าง ก็พยายามหาตลับอย่างที่เราอยากได้
งานนี้ได้กัลยาณมิตรหาโรงงานให้ได้ค่ะ แน่นอนต้นทุนสูงกว่าร้านอื่นอีกตามระเบียบ กำไรต่อหน่วยน้อยกว่าร้านอื่นอยู่แล้ว
แต่จุดมุ่งหมายของเราคือต้องดีที่สุดในมาตรฐานของเรา เราไม่ได้ต้องการแค่กำไรสูงสุด แม่เคยสอนว่า”กินคำเล็กๆอย่ากินคำโต”
ดังนั้นหากต้นทุนโดยรวมเราอาจสูงกว่าร้านอื่นแต่เป็นกำไรที่ทำให้เราอยู่ได้ และภาพลักษณ์ของสินค้าเรา”แตกต่าง”
สำหรับจ้อยจ้อยพอใจค่ะ
เปิดร้านออนไลน์แบบไหนดี
ตั้งแต่แรกถึงปัจจุบันจ้อยก็ใช้ร้านออนไลน์สำเร็จรูปนี่แหล่ะค่ะ ใช้ welove สาเหตุที่เลือกเพราะว่าเป็นร้านออนไลน์ที่ใหญ่มาก
คนขายเยอะคนซื้อก็แยะ เอามันง่ายๆก่อนดีกว่าเพราะจ้อยไม่เก่งกาจสามารถทำเวปเองได้(ในตอนนั้น)
ขอบอกว่า welove เป็นร้านออนไลน์สำเร็จรูปที่คงเส้นคงว่ามากค่ะ ล่มได้สม่ำเสมอ(ฮ่าฮ่า)
แต่ตอนนี้ร้านของจ้อยเติบโตไปได้ด้วยดีมากๆ จ้อยเห็นว่าเราต้องโตขึ้นเป็นมืออาชีพมากขึ้น
ตอนนี้กำลังทำเวปใหม่เป็นของตัวเอง เช่าโฮสเอง คงจะได้ย้ายในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้แล้ว
แต่ถึงจะย้ายมีเวปเป็นของตัวเอง จ้อยก็ยังจำเป็นต้องเช่า welove ต่อไปเหมือนเดิมค่ะ
แต่เช่าแพคเกตที่ถูกที่สุด เหมือนว่าถึงเราจะย้ายบ้านก็ต้องติดประกาศที้บ้านเดิมว่าบ้านใหม่เราอยู่ตรงไหนค่ะ
PR
ตอนทำร้านใหม่ๆจ้อยไปแป่ะประชาสัมพันธ์สินค้าของเราตามฟรีเวบบอร์ดที่เค้าให้เราแปะฟรีได้ค่ะ
จ้อยไม่ได้ทำ SEO เพราะโชคดีที่สินค้าที่จ้อยขายมีน้อยรายและบางประเภทจ้อยเป็นผู้ขายรายเดียวในประเทศ ก็เลยโชคดีไป
แต่ตอนนี้ Social networking มาแรง จ้อยมีแผนในการโปรโมทที่ Twitter , Facebook ค่ะ
โดยให้ระบบของเวปใหม่เชื่อมต่อไปยัง Twitter , Facebook ได้ด้วย
สำหรับ Facebook ก็ศึกษาการลง App ต่างๆเพื่อให้ Facebook เราแตกต่างเป็นที่น่าสนใจค่ะ
จัดกิจกรรมใน Facebook เล่นเกมแจกของมั่ง น่าจะดีค่ะ เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้ลูกค้าติดต่อเราได้ใกล้ชิดขึ้น
เพิ่มเติม
เวปใหม่จะสามารถแป่ะคลิปจากยูทูปได้ด้วย
ตอนนี้จ้อยเปิด Channel ในยูทูปแล้ว จะเริ่มทะยอยทำคลิปเพื่อส่งสริมการขายค่ะ
การขาย
Service mind
สำหรับผู้ที่จะลงมาเป็นแม่ค้าพ่อค้า ไม่ว่าจะสมัครเล่นหรือเอาจริง ขอให้ยึดคำนี้ไว้เลย “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” “ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน”
สำหรับการขายออนไลน์มีความซับซ้อนจะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยาก เนื่องจากลูกค้าไม่ได้สัมผัสเห็นของจริง
ดังนั้นการ”สื่อสาร”จึงสำคัญมากค่ะ ไม่ว่าจะตอบทาง Webboard การตอบเมล์ การตอบทางโทรศัพท์
ถ้ารักจะขายก็ต้องอดทนและใจเย็น เพราะคุณจะเจอลูกค้า(และหากซวยคุณจะเจอมิจฉาชีพด้วย)ทุกรูปแบบ
สำหรับจ้อยถือคติว่า “จะไม่เหวี่ยงใส่ลูกค้าไม่ว่ากรณีใดๆ” “ไม่เป็นไรค่ะ””ขอโทษค่ะ” จ้อยว่าความจริงใจและความนุ่มนวลดีที่สุด
ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จำทำร้ายคนอื่นด้วยคำพูดเพื่อความสะใจ มธุรสวาจาที่มาจากความจริงใจไม่ต้องซื้อแต่มูลค่าสูงลิบ
แค่เอาใจเขามาใส่ใจเราว่าหากเราเป็นผู้ซื้อเราอยากเจอผู้ขายอย่างไร ครั้นพอเรามาเป็นผู้ขายก็จงเป็นผู้ขายแบบที่เราเคยอยากเจอ
จ้อยเชื่อของจ้อยอย่างนึง(ซึ่งแปลกแต่จริง)ว่าพอเราเป็นผู้ซื้อที่ไม่เรื่องมากกับ Supplier เราก็มักจะเจอลูกค้าดีๆเหมือนกันแฮะ
Transport
เนื่องจากการขายออนไลน์เราต้องพึ่งบริการของพี่ ปณ.
ดังนั้นแม่ค้าออนไลน์ต้องเรียนรู้การแพคของส่งที่จะทำให้สินค้าเราบุบสลายน้อยที่สุด
อยากช่วยลดโลกร้อนเหมือนกันค่ะ แต่ว่าในบางเรื่องยังจำเป็นต้องรักษาคุณภาพการบริการ
เช่น ในการแพคสินค้าสำหรับจ้อยจ้อยจะเอาสินค้าใส่ถุงพลาสติคก่อน 1 ชั้น ห่อบัปเปิ้ลห่อมันเข้าไปอย่าได้เขียม แล้วใส่ถุงพลาสติคกันฝนอีก 1 รอบ
หาก ใส่กล่องต้องเอาถุงพลาสติคห่อสินค้ากันหมึกจากหนังสือพิมพ์เปื่อนใส่ก่อน 1 ชั้น แล้วใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ขยุ้มใส่ลงไปไม่ให้สินค้ากลิ้งไปมาได้
หากเป็นสินค้าขวดแก้วคอคอด ให้พันคอขวดด้วยกระดาษให้มีขนาดเท่าขวดจะห้องการคอขวดแตกหักได้ เป็นต้น
แล้วจ้อยค่อยไปช่วยลดโลกร้อนด้วยการใช้กระดาษ Reused ในการพิมพ์ใบสั่งของของลูกค้าแทนค่ะ
Term&Condition
จ้อยว่าจ้อยเป็นร้านออนไลน์ที่แจ้งเงื่อนไขต่างๆไว้เยอะมาก - -“
เช่น จะส่งของวันไหนบ้าง กรณีที่สินค้าหมดจ้อยยืนดีคืนเงินให้หรือให้เลือกสินค้าในราคาเท่ากันหรือสูงกว่าแล้วแต่กรณีไป
หรือ เรื่องความรับผิดชอบก็บอกไว้ค่อนข้างละเอียด เช่น หากลูกค้าเลือกส่งแบบอีเอ็มเอสแล้วเราดันส่งแบบลงทะเบียน
จ้อยจะรับผิดชอบด้วยการยินดีโอนเงินให้ 15 บาท(ร้านจ้อยส่งลงทะเบียนคิด 30 บาท ส่งอีเอ็มเอส 45 บาทค่ะ)
หรือให้ลูกค้าเลือกให้ส่งฟรีแบบลงทะเบียนฟรีในการสั่งของครั้งต่อไป เป็นต้น
จ้อยว่าเราเขียนมันชัดๆตรงๆให้ลูกค้ารับทราบนี่แหล่ะดีที่สุดๆ
เป็นเงื่อนไขที่แสดงความรับผิดชอบเต็มที่ของเราโดยไม่เอาเปรียบลูกค้า วินวินกันทั้งคนขายสบายใจคนซื้อค่ะ
รับมือมิจฉาชีพพอสังเขป
1. อย่าส่งของเพราะแค่ลูกค้าแจ้งโอนเงินทางโทรศัพท์ โดยที่ไม่ได้เช็คยอดว่ามีเงินเข้าจริงๆรึปล่าว
อย่าเชื่อใบแสกน อย่าเชื่อแคปเจอร์การโอนออนไลน์ ต้องเช็คและเห็นยอดเงินเท่านั้น
เดี๋ยวนี้หลายแบงค์มีบริการ sms alert เช่น scb คิดค่าบริการปีละ 99 บาท
เอาน่ากำไรไม่ได้ลดลงจนเราล่มจมหรอกค่ะ สมัครโล่ด
2. ให้ลูกค้าเก็บหลักฐานการโอนและเก็บรายละเอียดการโอนบางอย่างไว้ อย่าได้โพสแจ้งที่ WB มาทั้งหมด
เช่น ให้ลูกค้าเก็บสาขาและเวลาที่โอนไว้ อย่าได้โพสแจ้งโอนแบบใส่รายละเอียดแบบจัดหนักครบมาเลย
เพราะกรณีที่มีคนแจ้งโอนซ้ำซ้อนแต่ยอดโอนมาเพียงยอดเดียว
เราจะได้โทรกลับไปสอบถามรายละเอียดการโอนเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของเงินที่แท้จริงได้
3. หากมีการนัดรับของ ให้จ่ายแบบแฮนด์ทูแฮนด์ มาจ่ายกันตอนรับของได้เลย
คนขายสบายใจดี คนซื้อไม่ต้องไปเสียเวลาโอนก่อน
ถ้าจ่ายมาด้วยการโอนทางธนาคาร ขอส่งให้ทาง ปณ.สถานเดียว
หรือหากโอนมาแล้วแต่ต้องการแวะมารับเอง แจ้งลูกค้าไปเลยว่าตอนมารับของ นอกจากหลักฐานการโอนแล้วเราขอดูและถ่ายสำเนาบัตรประชาชน
และขอถ่ายรูปคู่ด้วย ถ้าลูกค้าโอเคเราก็โอเค
ให้พิจารณาและตกลงกับลูกค้าเป็นกรณีๆไปนะคะ
อันนี้จ้อยไม่เคยเจอค่ะ แต่ว่าหลานจ้อยเคยเจอค่ะ
หลานจ้อยขายสินค้าที่ต่อชิ้นมูลค่าสูงหลักหลายพัน
ที่เจอมาคือลูกค้ามาซื้อแว่นตาเรย์แบนราคา 7500 บาท แต่โอนเงินมา หมื่นกว่าๆ
ซึ่งดูผิดปกติมาก แล้วลูกค้าบอกว่าบังเอิญแวะมาแถวที่ทำงานของหลานขอแวะรับของเลย
หลานจ้อยก็แจ้งว่างั้นรบกวนขอสลิปใบโอนเงินด้วยพร้อมขออนุญาตสำเนาบัตรประชาชนไว้
ทางนั้นก็บ่ายเบี่ยงบอกว่าสลิปเงินโอนหายแล้ว หลานจ้อยก็บอกว่ารบกวนอัพบุ๊คมาให้ดูก็ได้
ทางนั้นก็บอกว่าไม่สะดวกไปแบงค์ หลายจ้อยบอกว่างั้นมาอัพแถวที่ทำงานได้ค่ะ เพราะมีธนาคารย่อยใกล้ที่ทำงาน
ทางนั้นก็บ่ายเบี่ยงอีกว่าบุ๊คอยู่บ้าน ตอนนี้อยู่คอนโดไม่สะดวก บัตรประชาชนอยู่บ้าน บราๆๆๆ
สรุปว่าหลานจ้อยบอกงั้นขออนุญาตนัดรับของที่สถานีตำรวจนะคะ ขอลงบันทึกประจำวันค่ะ
เท่านั้นแล ด่ากราดมาเป็นชุด บอกว่าจะไปประจานที่เวป
หลานจ้อยก็ยืนยันว่าถ้านัดรับของและขอเงินส่วนเกินคืนถ้าไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันเลย
ขอนัดส่งมอบของและเงินส่วนเกินที่สถานีตำรวจเท่านั้น
มัน(คาดว่าเป็นมิจฉาชีพ)ก็โทรมาข่มขู่ 2-3 ครั้ง ว่ารู้นะว่าอยู่แถวไหน จะไปดักตบ
หลานจ้อยเลยไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน แล้วเผอิญตอนที่อยู่โรงพักมันโทรมาพอดี เลยได้พูดกับร้อยเวร(ฮ่าฮ่า)
แล้วอีกประมาณ 1 เดือน ก็มีธนาคารติดต่อมาว่ามีเจ้าของเงินตัวจริงติดต่อมาค่ะ
4 . กรณีที่มีการโอนยอดเงินที่ซื้อมา เกินมาก ผิดปกติ แล้วลูกค้าขอเงินส่วนเกินคืน เรายินดีคืนเงินให้
โดยหากอยากได้เงินคืนเป็นเงินสดก็เจอกันได้ที่โรงพัก และขอให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และรบกวนนำหลักฐานการโอนเงินมาด้วย
หากจะให้เราโอนเงินคืนให้ ก็ขอให้แสกนสลิปการโอน แจ้งรายละเอียด ชื่อเจ้าของ บ/ช ธนาคารที่โอน เวลาที่โอนมาด้วย
เราเอาไปตรวจสอบกับธนาคารได้ค่ะ
และขอสำเนาบัตร ปชช. เพราะเราขอไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานก่อน และจะโอนคืนให้เจ้าของ บ/ชที่โอนมาเท่านั้น
ที่มา pantip
MC098 sellerid - Suspicious buyer for your item(s)
เป็นเมล์ที่ส่งมาให้ก็ต่อเมื่ออีเบย์รู้สึกไม่แน่ใจในตัวผู้ซื้อ (ตอนแรกที่ได้รับเมล์นี้ตกใจมากเลย ขึ้นต้นมาด้วย MCxxx เราก็ใจไม่ดีซะแล้ว) อีเบย์เลยขอยกเลิกการประมูลของลูกค้าคนนี้
แล้วก็ยังส่งเมล์มาเตือนผู้ขายให้ระวังและวิธีการแก้ไขถ้าเราได้ส่งของไปให้ลูกค้าคนนี้แล้ว ตามลิงค์ที่แนบมาด้วย
แล้วก็ยังส่งเมล์มาเตือนผู้ขายให้ระวังและวิธีการแก้ไขถ้าเราได้ส่งของไปให้ลูกค้าคนนี้แล้ว ตามลิงค์ที่แนบมาด้วย
21 มิถุนายน 2554
ขายสินค้า Handmade Recycle ใน อีเบย์
ใครว่าถ้าจะขายสินค้าในอีเบย์แล้วลงทุนสูง
มาดูป้า Yvonne Hernández ครับ ป้าแกเปิด account ขายของใน ebay หลังผมอีก และตอนแรก ๆ ก็ขายได้บ้าง ไม่ได้บ้าง สินค้าของป้าแกแทบไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ลงแต่แรงและความคิดสร้างสรรค์เท่านั้นครับสินค้าของป้าแกก็คือที่ติดตู้เย็นครับ ช่วงหลัง ๆ นี่เห็นแกพัฒนาไปเป็นอย่างอื่นด้วย โดยที่วัตถุดิบของแกมีเพียงแค่กระป๋องน้ำอัดลม
อีเบย์ ฉลองตลาดออนไลน์ใหญ่ที่สุดในโลก
อีเบย์ฉลอง 15 ปี เป็นตลาดออน ไลน์ใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้ซื้อขายกว่า 90 ล้านคน นักขายชายไทยประสบความสำเร็จบนอีเบย์มากมาย นายธเนศพงศ์ จารุสถิระกุล ผู้จัดการอาวุโสอีเบย์ กลุ่มธุรกิจอีเบย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า อีเบย์เป็นตลาดออนไลน์ที่
เพย์พาลขึ้นแท่นผู้นำบริการ ระบบชำระเงินผ่านโมบาย
การพัฒนาของระบบการให้บริการผ่านโม บายที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมของผู้ใช้บริการ ได้มีส่วนช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าและการเติบโตทางธุรกิจของผู้ ประกอบการที่ให้บริการระบบการชำระเงินผ่านทางออนไลน์ ที่ชื่อ เพย์พาล (Paypal) ธุรกิจในเครือข่ายของอีเบย์ eBay ที่ทำธุรกิจให้บริการซื้อขายสินค้าสารพัดผ่านระบบการประมูลทางออนไลน์ จนมีขนาดการประกอบการใหญ่ที่สุดในโลกขณะนี้
อีเบย์ไม่ใช่จุดจบของชีวิต ผมขอเสนอทางเลือกใหม่
หลังจากที่โดนลิมิต โดนแบนกันมาซักระยะ ... จนชิน
ชินจริงๆ โดนลิมิต โดนแขวน กันเป็นว่าเล่น
เหมือนคนมีภูมิคุ้มกันหน่ะ พอโดนอีกทีก็นิ่ง แต่คนที่ฟังเรื่องที่เราเล่าตกใจกันใหญ่..
สำหรับคนที่เพิ่งทำอีเบย์ โดนอย่างนี้ก็อย่าเพิ่งถอดใจ ทำตัวดีๆ เดี๋ยวอีเบย์เค้าก็ให้อภัย
แต่ถ้าใครที่เริ่มหมดหวัง กับคุณเบย์แล้วหล่ะก็ ผมขอเสนอทางเลือกใหม่ และก็จะแนะนำเบื้องต้นให้ได้บ้าง
ชินจริงๆ โดนลิมิต โดนแขวน กันเป็นว่าเล่น
เหมือนคนมีภูมิคุ้มกันหน่ะ พอโดนอีกทีก็นิ่ง แต่คนที่ฟังเรื่องที่เราเล่าตกใจกันใหญ่..
สำหรับคนที่เพิ่งทำอีเบย์ โดนอย่างนี้ก็อย่าเพิ่งถอดใจ ทำตัวดีๆ เดี๋ยวอีเบย์เค้าก็ให้อภัย
แต่ถ้าใครที่เริ่มหมดหวัง กับคุณเบย์แล้วหล่ะก็ ผมขอเสนอทางเลือกใหม่ และก็จะแนะนำเบื้องต้นให้ได้บ้าง
ศาลชี้สาวมะกันผิดจริง สุดโหด เจาะหู-จมูก-คอ ร้อยห่วงตามตัวลูกแมวหวังประมูลขายอีเบย์
ผู้พิพากษาศาลสูงแห่งรัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ตัดสินยืนยันคำตัดสินของศาลชั้นต้น โดยการพิพากษาให้น.ส.ฮอลลี ครอว์ฟอร์ด วัย 35 ปี มีความผิดฐานกระทำการอันโหดร้ายต่อแมวของเธอ
ไม่มีบัตรเคดิตก็ขายของใน eBay ได้
เพื่อนผมคนนึงอยากขายของบน eBay เลยมาให้ผมช่วย ก็ได้มีโอกาศมารื้อฟื้นช่วงเริ่มต้นทำ eBay อีกครั้ง เลยอยากเอาประสบการณ์การสมัคร eBay มาแบ่งบัน เพื่อใครที่กำลังจะเริ่มทำอยู่
สมัยเมื่อคนไทยเริ่มรู้จัก eBay กันใหม่ๆ ช่วงนั้นกระแสแรงมาก หนังสืออกมาให้พรึบอ่านกันแทบไม่ทัน ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเรื่องเงินๆทองๆบนโลกออนไลน์นั้นต้องใช้บัตรเคดิต รวมถึงการจะทำ eBay
คนบางคนที่ไม่มีบัตรเคติดก็ต้องดิ้นรนหาวิธีการต่างๆ เช่น หาซื้อ Virtual Credit Card ต้องยืมบัตรพ่อแม่ ไม่ก็ยืมเพื่อน เป็นต้น ช่วงเริ่มต้นของการทำ eBay ผมก็เจอปัญหาเรื่องเคติดการ์ดเช่นเดียวกัน แต่ก็มีทางออกที่ดีที่ผมเลือกใช้อยู่ 2 ทางด้วยกัน
สมัยเมื่อคนไทยเริ่มรู้จัก eBay กันใหม่ๆ ช่วงนั้นกระแสแรงมาก หนังสืออกมาให้พรึบอ่านกันแทบไม่ทัน ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเรื่องเงินๆทองๆบนโลกออนไลน์นั้นต้องใช้บัตรเคดิต รวมถึงการจะทำ eBay
คนบางคนที่ไม่มีบัตรเคติดก็ต้องดิ้นรนหาวิธีการต่างๆ เช่น หาซื้อ Virtual Credit Card ต้องยืมบัตรพ่อแม่ ไม่ก็ยืมเพื่อน เป็นต้น ช่วงเริ่มต้นของการทำ eBay ผมก็เจอปัญหาเรื่องเคติดการ์ดเช่นเดียวกัน แต่ก็มีทางออกที่ดีที่ผมเลือกใช้อยู่ 2 ทางด้วยกัน
เว็บ Taobao แจ็คผู้คว่ำยักษ์ eBay ในประเทศจีน
ปัจจุบันเว็บ Taobao.com เป็นเว็บ e-commerce อันดับหนึ่งของประเทศจีน มีบริการ e-commerce ทั้งแบบ B2C และ C2C จะว่าไปก็คล้าย ๆ กับเว็บ eBay นั่นแหละครับ แต่หลายคน (รวมทั้งตัวผมเองด้วย) คงจะสงสัยว่าทำไมเว็บ eBay จึงไม่ประสบความสำเร็จในประเทศจีน หรือเว็บ Taobao มีอะไรดีจึงสามารถเอาชนะเว็บเจ้าตำรับอย่าง eBay ได้
ต้องการเปิดร้านเพิ่มอีกร้านนึง,, เราสามารถเชื่อมโยงกับบัญชี PayPal เดิมได้มั๊ยคะ
Question
คือว่าต้องการขายสินค้าเพิ่มอีก 1 ประเภทน่ะค่ะ,, แต่ว่ามี PayPal อยู่บัญชีเดียว แล้วก็ ร้านแรกเพิ่งขายของชิ้นแรกได้เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา
เลยอยากทราบว่า ถ้าเปิดร้านที่ 2 จะสามารถเชื่อมโยงกับบัญชี Paypal เดิมได้มั๊ยคะ
ปล. กลัวว่าถ้าเชื่อมร้านใหม่กับ paypal เดิมไปแล้ว ebay จะล็อคร้านแรกน่ะค่ะ เลยมาสอบถามก่อนดีกว่า
ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าค่ะ
คือว่าต้องการขายสินค้าเพิ่มอีก 1 ประเภทน่ะค่ะ,, แต่ว่ามี PayPal อยู่บัญชีเดียว แล้วก็ ร้านแรกเพิ่งขายของชิ้นแรกได้เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา
เลยอยากทราบว่า ถ้าเปิดร้านที่ 2 จะสามารถเชื่อมโยงกับบัญชี Paypal เดิมได้มั๊ยคะ
ปล. กลัวว่าถ้าเชื่อมร้านใหม่กับ paypal เดิมไปแล้ว ebay จะล็อคร้านแรกน่ะค่ะ เลยมาสอบถามก่อนดีกว่า
ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าค่ะ
โค้ดลงทะเบียนขึ้นต้น RRxxxxx เมื่อก่อนเห็นแต่ RFxxxxxx ต่างกันยังไงคะ
Question
เมื่อวานไปส่งของ ไปประเทศอเมริการมา บอกว่าส่งเป็นพัสดุย่อยแบบลงทะเบียน พอเห็นโค้ดลงทะเบียนขึ้นต้น RRxxxxx เมื่อก่อนเห็นแต่ RFxxxxxx ต่างกันยังไงค่ะ ขอบคุณค่ะ
เมื่อวานไปส่งของ ไปประเทศอเมริการมา บอกว่าส่งเป็นพัสดุย่อยแบบลงทะเบียน พอเห็นโค้ดลงทะเบียนขึ้นต้น RRxxxxx เมื่อก่อนเห็นแต่ RFxxxxxx ต่างกันยังไงค่ะ ขอบคุณค่ะ
20 มิถุนายน 2554
19 มิถุนายน 2554
เบื่อใหม ต้องมานั่งเขียนซอง มาเซ็ทเครื่องปริ๊น พิมลงป้ายผนึกกันเถอะ
เบื่อใหมเวลามานั่งเขียนซอง ผมมีวิธีแนะนำ คงรู้จักป้ายผนึก ที่แปะหน้าซองกันใช่ใหม
ผมจะแนะนำวิธีเซ้ทเครื่องปริ๊น ให้ปริ๊นลง ป้ายผนึกให้ จะให้ประหยัดเวลา จะใด้มีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้นโปรแกรมที่ใช้ทุกคนคงมีในเครื่อง
ผมจะแนะนำวิธีเซ้ทเครื่องปริ๊น ให้ปริ๊นลง ป้ายผนึกให้ จะให้ประหยัดเวลา จะใด้มีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้นโปรแกรมที่ใช้ทุกคนคงมีในเครื่อง
การ Save file ภาพใน Photoshop เพื่อ eBay
การ save file รูปภาพ เพื่อใช้ใน eBay และ ในส่วน description นั้น ไม่มีกำหนดตายตัว แต่ การที่ภาพมีขนาดเล็ก ก็จะทำให้ภาพโหลดเร็วและลูกค้าไม่ต้องรอนาน ซึ่งมีผลต่อสินค้าของผู้ขาย ถ้ารูปภาพมีขนาดใหญ่โหลดนานเมื่อเปิดมาสักพักแล้วรูปยังขึ้นไม่หมด บางครั้งก็ทำให้ผู้ซื้อไม่รออาจจะปิดหน้าสินค้านั้นไป ทำให้อาจจะเสียโอกาสในการขายสินค้านั้น ๆ
ได้เมล์แปลกๆมาจากเพพาล และก็โดน Hold เงิน...ทั้งๆที่บัญชีเพพาลนี้ 2 ปี กว่าๆแล้ว
Question
ตามข้อความข้างล่างเลยครับ...ใครรู้มั่งว่าผมต้องทำแบบไหนต่อ
ตามข้อความข้างล่างเลยครับ...ใครรู้มั่งว่าผมต้องทำแบบไหนต่อ
Resolution Centre – Case Reversal Details
This payment has been selected for review and we have opened an investigation.
17 มิถุนายน 2554
วีดีโอ เทคนิคการถ่ายรูปสินค้าให้ดูมืออาชีพ (English subtitle)
เป็นวีดีโอสั้นๆ ยาวประมาณ 2 นาที สอนการถ่ายรูปสินค้าให้ดูมืออาชีพ โดยใช้เพียงอุปกรณ์ทำเองง่ายๆ หาได้ทั่วไปตามท้องตลาด
ถ้าจะเปิด subtitle ให้กดปุ่ม CC ด้านล่างซ้ายของวีดีโอ
ถ้าจะเปิด subtitle ให้กดปุ่ม CC ด้านล่างซ้ายของวีดีโอ
undeliverable as addressed คืออะไรคะ
Question
ส่งของไปอเมริกาตามที่อยู่ที่ลูกค้าให้ (confirmed address) แต่ลูกค้าแจ้งว่าไปรษณีย์บอกว่า tracking number และที่อยู่ไม่ถูกต้อง แต่เรา print เอาไม่ได้เขียนดังนั้นไม่น่าผิด track ที่ usps site ขึ้นว่า Your item was undeliverable as addressed at 9:55 am on June 16, 2011 in JAMAICA, NY 11435. It is being returned if appropriate information is available. ใครเคยเจอบ้างคะมันคืออะไร
ส่งของไปอเมริกาตามที่อยู่ที่ลูกค้าให้ (confirmed address) แต่ลูกค้าแจ้งว่าไปรษณีย์บอกว่า tracking number และที่อยู่ไม่ถูกต้อง แต่เรา print เอาไม่ได้เขียนดังนั้นไม่น่าผิด track ที่ usps site ขึ้นว่า Your item was undeliverable as addressed at 9:55 am on June 16, 2011 in JAMAICA, NY 11435. It is being returned if appropriate information is available. ใครเคยเจอบ้างคะมันคืออะไร
Bidmyway.com เว็บรวมดีลพิเศษลูกผสมระหว่าง Ebay และ Groupon
กระแสของ Group Buying ยังคงรุนแรงอยู่และมีคนเข้าไปใช้บริกาอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้โมเดลของธุรกิจประเภทนี้เติบโต และมีหลายๆ แห่งพยายคิดและทำตามกัน โดยล่าสุดได้มีเว็บไซต์ www.BidmyWay.com เว็บไซต์ที่รวบรวมดีลพิเศษคล้ายๆ กับ Groupon.com แต่มีลักษณะการให้คนสามารถประมูลดีลได้ด้วย คล้ายๆ กับ Ebay.com ซึ่งถือเป็น
eBay ประกาศเข้าซื้อกิจการ Magento ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซโอเพ่นซอร์สแล้ว
eBay ประกาศเข้าซื้อกิจการ Magento บริษัทผู้พัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซโอเพ่นซอร์ส ซึ่งมีสำนักงานที่ตั้งอยู่ที่เมืองลอสแองเจลิส และมีพนักงานมากกว่า 290 คนเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้ โดยข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นต่อเนื่องหลังจากที่ eBay ได้เข้าถือหุ้นส่วนหนึ่งของ Magento ตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นผู้ลงทุนรายแรกของ
eBay กับ PayPal ฟ้อง Google ฐานขโมยความลับไปสร้าง Google Wallet
eBay จับมือกับ PayPal คู่หูของตนยื่นฟ้องร้อง Google กับผู้บริหารสองคนทันทีตามหลังการเปิดตัว Google Wallet ในข้อหาขโมยความลับทางการค้าเพื่อนำไปใช้สร้างเทคโนโลยีการชำระเงินของตน
โดย eBay กล่าวหาว่า Osama Bedier หัวหน้าโปรเจ็กต์ Google Wallet เป็นผู้ให้ข้อมูลลับสำคัญของ Paypal กับ Google เพื่อใช้สร้างระบบชำระโมบายด้วย NFC และเป็นผู้ทำให้ Stephanie Tilenius ผู้บริหารคนเดิมของ eBay ฉีกสัญญาด้วยการมาเข้าร่วมกับ Google ในตำแหน่ง
โดย eBay กล่าวหาว่า Osama Bedier หัวหน้าโปรเจ็กต์ Google Wallet เป็นผู้ให้ข้อมูลลับสำคัญของ Paypal กับ Google เพื่อใช้สร้างระบบชำระโมบายด้วย NFC และเป็นผู้ทำให้ Stephanie Tilenius ผู้บริหารคนเดิมของ eBay ฉีกสัญญาด้วยการมาเข้าร่วมกับ Google ในตำแหน่ง
มาทำความรู็จักกับ Paypal
9 intrend วันนี้ น้องซีมาเล่าเรื่องราวของ PayPal ระบบชำระเงินออนไลน์ครับ
ดูง่ายๆ ตามสไตล์รายการเค้านั่นแหละ
ดูง่ายๆ ตามสไตล์รายการเค้านั่นแหละ
วีดีโอ อีเบย์คืออะไร จากรายการ "9 intrend"
วีดีโอทำความรู้จักอีเบย์อีกตัวนึง อธิบายได้กว้างๆ พิธีกรก็น่ารัก ดูแล้วสบายๆ เพลินๆ ดีนะครับ
เวลารวม 3:55 นาที
เวลารวม 3:55 นาที
16 มิถุนายน 2554
สอบถามผู้ที่สั่งของจากอเมริกาบ่อยๆแล้วของไปขึ้นเครื่องที่ SAN FRANCISCO ครับ
Question
ขอบคุณครับ
International Dispatch June 10 2011, 08:16 pm ISC SAN FRANCISCO (USPS)สถานะแบบนี้ประมาณวันไหนถึงจะมาสู่เมืองไทยครับ (เป็นแบบ express mail ครับ)
Arrival
Processed through Sort Facility June 09 2011, 04:33 pm PORTLAND, OR 97238
Electronic Shipping Info Received June 09 2011,
ขอบคุณครับ
อะไรคือ APO/FPO addresses ครับ
Question
ใครทราบบ้างช่วยแนะนำทีครับ วันนี้เจอเเต่คำถามเเปลกๆ เขาถามมาว่า Would you mail to an APO address?
เเล้วอะไรคือ APO ล่ะ
งงง
ใครทราบบ้างช่วยแนะนำทีครับ วันนี้เจอเเต่คำถามเเปลกๆ เขาถามมาว่า Would you mail to an APO address?
เเล้วอะไรคือ APO ล่ะ
งงง
ขอความรู้เพิ่มเติม ในรายการขายทั้งหมดไม่มีรายการของเรา
Question
เมื่อเราโพสขายสำเร็จแล้ว ทำไมเวลาเราเข้าไปดูในรายการขายทั้งหมดจึงไม่มีรายการของเรา แต่พอเรามาดูที่ account ของเราจึงเห็นว่ามีราการขายเราเข้ามาที่หน้า Active Selling เราจึงเห็นรายการขายของเราแต่ไมเห็นรูปภาพ เราจำเป็นต้องเลือก Send to online action or add to list หรือป่าว ขอความรู้เพิ่มเติมด้วยค่ะ
เมื่อเราโพสขายสำเร็จแล้ว ทำไมเวลาเราเข้าไปดูในรายการขายทั้งหมดจึงไม่มีรายการของเรา แต่พอเรามาดูที่ account ของเราจึงเห็นว่ามีราการขายเราเข้ามาที่หน้า Active Selling เราจึงเห็นรายการขายของเราแต่ไมเห็นรูปภาพ เราจำเป็นต้องเลือก Send to online action or add to list หรือป่าว ขอความรู้เพิ่มเติมด้วยค่ะ
ถ้าอยากจะรู้ว่า สินค้าชนิดนี้ขายดี ดูได้ที่ไหนอะครับ
Question
คือว่า สมมุติ เราเห็นสินค้าใน ebay แล้วอยากจะรู้ว่า มันขายดีไหมอะครับ ดูได้จากที่ไหน
คือว่า สมมุติ เราเห็นสินค้าใน ebay แล้วอยากจะรู้ว่า มันขายดีไหมอะครับ ดูได้จากที่ไหน
roadmap รวยด้วยอีเบย์ เขียนให้ดู เผื่อใครอยากลอง
ที่มา : thaiseoboard , ผู้เขียน numau109
ผมตั้งกระทู้นี้ เพราะเห็นสมาชิก TSB 2-3 ท่านตั้งกระทู้ขึ้นมา ทำให้นึก ๆ ย้อนไป 2-3 ปีที่แล้วว่าเรามาเข้าบอร์ดนี้เพราะอะไร ตอนแรกก็แค่อยากลองหาสิ่งใหม่ ๆ หาเงินให้ได้ทางเน็ต ผมก็ลองอีเบย์อันดับแรกเลย จะบอกว่ามันทำตังค์ให้ได้จริง ๆ และได้เห็น ๆ เลย ถ้าสินค้าเราไม่แย่จนเกินไป จริง ๆ ของ ๆ ไทย ผมว่าขายได้อยู่แล้ว เอาง่าย ๆ ที่จัตุจักร ก็มีฝรั่งไปซื้อทุกเสาร์อาทิตย์ พ่อค้าแม่ค้าที่นั่นเค้าก็ขายได้ แล้วนี่เราเอาไปเซิร์ฟขายเค้าถึงที่ คิดค่าส่งอะไรแล้วก็ยังถูกกว่าเค้าบินมาซื้อเองเลยครับ
แถมกำไรก็ไม่ ใช่น้อย ๆ ตอนแรกผมทำเล่น ๆ (แต่ทำจริง) กะคร่าว ๆ กำไรอันละ 3 พัน เดือนนึงได้ หมื่นสอง เพราะขายได้เฉลี่ยสัปดาห์ละอัน แบบว่าขี้เกียจโปรโมท รวม ๆ ได้มากกว่ารายได้ประจำ (ในตอนนี้) ของผมอีก
แต่ ตอนหลัง ๆ ดันมาเบนเข็ม ทำ aff ทำ hotel ทำ adsense แล้วก็ทิ้งอีเบย์ไป ทุกวันนี้ขาดทุนสุด ๆ ถ้ารู้งี้ทำอีเบย์ต่ออาจจะรุ่ง... แต่ความรู้ที่ได้มานอกกรอบนี้ ก็ทำให้ผมทำอะไรได้มากขึ้น เขียนเว็บเป็นแล้ว แต่งหนังสือได้ ทั้ง ๆ ที่ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะทำได้ 555
นอกเรื่องไปเยอะแล้ว สรุปว่าใครที่ผิดหวังกะ amazon กับ adsense จะมาลองขายอีเบย์ดูก็ได้นะครับ แนะนำแบบนี้ถ้าอยากขาย
1. ซื้อหนังสืออีเบย์สัก 1-2 เล่มมาอ่าน ผมแนะนำของคุณกิต จรรยาประเสริฐ ซึ่งผมไม่ได้รู้จักอะไรเค้าหรอกครับ แต่เขียนดี ใช้ได้จริง ละเอียดมาก
2. ขายอะไรดี ก็ไปหาในอีเบย์นั่นแหล่ะครับ ว่าเค้านิยมค้นหาอะไร ถ้าอยากอ่านเทคนิค แนะนำของคุณโจ อนุชา ลีวรกุล เขียนดีมากเหมือนกัน
3. ขายยังไง แนะนำแบบจับเสือมือเปล่า ไปถ่ายรูปที่ร้านที่จะไปซื้อมาขายเลย แล้วเอามาแต่งด้วย photoshop เอา วิธีแต่งรูป ในหนังสือที่แนะนำก็บอกหมด
4. พิมพ์ listing ยังไง เอาแบบง่าย ๆ ก็เขียนตามคนอื่นเค้าครับ พยายามให้เป็นแบบของตัวเอง อย่าก็อบมาทั้งดุ้น ไม่ดี ๆ
เทคนิคอื่น ๆ ในหนังสือมีครบหมดแล้วครับ (ไม่ได้จะเชียร์ซื้อหนังสือนะครับ)
อยาก ให้มาลอง ๆ ดุกันครับ ทำดี ๆ ก็รวยได้ สัปดาห์นึงก็ทำงาน 2-3 วัน คือส่ง listing กับห่อของ ไปส่งไปรษณีย์ ผมว่าเงินมาเห็น ๆ (ตามความคิดผมนะ) เพราะทำ amazon กับ adsense แล้วไม่สำเร็จซะที ผมคงไม่ถนัดจริง ๆ
ใครชอบก็ +1 นะครับ จะมาพิมพ์ต่อ แนวบ่น ๆ
อ่ะ.. เล่าต่อ
คุณจำกันได้มั้ย เมื่อ 3 ปีที่แล้ว องค์พระจตุคามรามเทพดังมาก ใคร ๆ ก็เช่าหาไว้บูชา
บ้านผมอยู่ใกล้วัดพอดี ในกทม.นี่แหล่ะ ที่วัดเค้าปลุกแจกเพื่อปล่อยเช่าพอดี ผมก็เลยลองไปเช่ามา ตอนนั้นยังไม่จับเสือมือเปล่า...
เช่ามาองค์ละ 150 แต่เราก็ตามราคาตลาด ไม่ตัดราคาใคร และของเราก็แท้ด้วย เราปล่อยไปองค์ละ 6-7 ร้อย
ประมาณ 6 เดือน ก็ปล่อยเช่าไปได้ 33 องค์ แต่ตอนนี้เลิกแล้ว แต่เจ้าอาวาสยังจำผมได้
ต่อมา ผมก็อ่านหนังสือเพิ่ม เอ้า.. บอกว่าจัตุจักร มีของมากมายให้เลือกสรร แล้วก็มีอะไรบ้างที่ฝรั่งชอบ
1.เสื้อผ้า 2.เครื่องประดับบ้าน 3.อิเล็คทรอนิก 4. และ 5. จำไม่ได้
ผม ก็พยายามคิดว่าถ้าเป็นฝรั่ง อยากซื้ออะไร เอาง่าย ๆ คุณไปยืนดูที่ logistic ในจัตตุจักร เค้าส่งอะไรไปเยอะ ๆ คุณก็ไปดูอันนั้นแหล่ะ แสดงว่าฝรั่งซื้อกลับจริง แต่มันแบกไม่ไหว (คงอยากได้มากกกกก)
---> นี่ก็ใบ้เยอะแล้วครับ ผมไปดู มีกลองมโหรทึกด้วย คุณจะลองขายดูก็ได้
จาก นั้นก็แบกกล้องไปอันนึง เจอร้านที่ถูกใจ ขอเค้าถ่ายรูป เค้าจะไม่ให้ถ่ายครับ เพราะกลัวโดนก็อบ บอกไปเลยว่าเราจะเอาไปขายอีเบย์ ถ้าไม่ได้อีก ก็ซื้ออะไรถูก ๆ มาอันนึง (แต่ต้องคิดว่าขายได้แน่ ๆ) แล้วก็ขอถ่ายอันที่คิดว่าขายได้แน่ ๆ
จากนั้นก็กลับบ้านเอารูปมาแต่งด้วย photoshop ถ้าเก่งหน่อย คุณก็เปลี่ยนสีเองเลย จะได้สินค้าหลาย ๆ ชิ้น....
อ่ะ... สนใจจะฟังต่อมั้ยครับ
อ่า.. มีคนอยากฟัง 1 คนก็จะเล่า
จากนั้นก็อัพ listing ครับ... มันจะใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เพราะค่าธรรมเนียมแพง (มาก) แต่อีเบย์มันดีที่ traffic เดี๋ยวเรามีวิธีแก้
พอขายได้ เราก็กลับไปร้านเดิม ขอซื้ออันที่ขายได้นั่นแหล่ะ แล้วก็ส่งไปเลย (ผมข้ามเรื่องเทคนิค เพยพงเพยพาลนะครับ ขี้เกียจเขียน)
จากนั้น ขอถ่ายรูปเพิ่ม ขอนามบัตร ซื้ออย่างอื่นอีก (ถูก ๆ)
คุณ ทำวนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ คลังภาพสินค้าจะมีเป็นกระบุง แต่เราไม่อัพ list ทั้งกระบุงนี่หรอกครับ มันแพง เรามีวิธี (บางคนคงรู้อยู่แล้ว)
อยากฟังต่อมั้ยครับ เดี๋ยวเล่าต่อ ๆ คืนนี้ผมว่างพอสมควร
พิมพ์ต่อ ๆ
2. คือไปขายที่อื่นบ้าง ioffer อะไรอย่างนี้ ผมเห็นอีกกระทู้นึงก็เขียน นั่นถูกต้องเลย ถ้ามันฟรีเราก็ไม่เฉยครับ ผลลัพธ์ผมว่าง่ายกว่าำทำ SEO ให้ adsense อีก
ย้อนกลับไปข้อหนึ่งเพิ่มเติม
นี่ เป็นที่มาว่าทำไมผมเขียนหนังสือ 2 เล่ม เพราะสมัย 2-3 ปีที่แล้ว หนังสือสอน CMS e-commerce มีน้อย อันที่มีก็สั้นเกิน เลยเขียนเองซะเลย ตอนแรกเอาภูมิใจเป็นหลัก แต่หนังสือก็มีคนสนใจเยอะ แต่กระทู้นี้ผมไม่ได้ตั้งประเด็นมาขายหนังสือผมนะครับ มันนอกประเด็น
เอา เป็นว่าพอทำเว็บเอง แล้วเราก็ไปทำ me page ใส่รูปสินค้ามหึมาอลังการ ยัดลงไปเลย บอกว่ามีที่เว็บเรา แต่อันที่เรา list ไว้ ก็ต้องเป็นสินค้าประเภทแบบเตะตาสุด ๆ ราคาจะตั้งก็แล้วแต่ชอบ
แต่ สำคัญคือราคาที่เว็บเราถูกกว่า แน่ล่ะครับ เพราะเราไม่มีค่าธรรมเนียมแล้วนี่ แต่เว็บเราก็พยายามเชื่อมกับ paypal อยู่ดี เค้าจะได้ซื้อเพราะน่าเชื่อถือ
เดี๋ยวต่อีกครับ แหะ ๆ
ปัญหาในการขายก็คือ เรากลัวมีปัญหา....
พอมองย้อนกลับไป ผมเสียดายจัง ที่แก้ปัญหาไม่เป็น ถ้าถามตอนนี้เหรอ... ก็ดังน้ครับ
1. ถาม google ครับ หรือบอร์ดคนที่เล่นเยอะ ๆ เพราะปัญหาส่วนใหญ่ ๆ ใคร ๆ ก็เจอ มีคนถามอยู่แล้ว
2. มีหลายเว็บรับจ้างแก้ปัญหาให้ครับ จ้าง ๆ ไปเถอะ ผมมองว่าไม่แพง ตลาดอีเบย์ใหญ่ แล้วทำกำไรได้เยอะกว่า คุณเชื่อไหม ผมไปเอาของมาขาย นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน - ลอยฟ้าไปเลย สบายออก เพราะกำไรมาก ลูกค้าเป็นคนจ่าย.... อันนี้แล้วแต่จะคิด ถ้าอยากได้เพิ่มคุณก็ลองประหยัดอีก... แต่ผมไม่ไหวแล้ว เพราะอาชีพประจำก็เหนื่อยอยู่แล้ว
3. ห่อของ แต่ไม่มีกล่อง --> จ้างทำกล่อง
4. ไม่มีเวลาไปส่ง --> จ้างคนไปส่ง
5. หนัก ๆ เข้า ก็จ้างร้านที่เราไปเอาของไป ให้ส่งให้
คิดว่าลูกค้าเป็นคนจ่าย ... เราก็ทำงานง่ายขึ้น ก็... แล้วแต่จะคิดนะครับ อยากได้เพิ่มก็ประหยัด แต่ก็เหนื่อยขึ้น จนขี้เกียจทำ
เอาหล่ะ วันนี้มาต่อครับ
ขอเกริ่นเรื่อง วิธีส่งของ 55+
เพราะ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครเขียน ถ้าหมายถึงว่าส่งแบบ พัสดุ SAL ฯลฯ อะไรนั่น ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะครับ เพราะ searh ใน google ก็มีคนเขียนเยอะแล้ว ผมไม่พูดซ้ำ
ประเด็นก็คือ ของบางอย่างเราส่งได้ เฉพาะบาง logistic นะครับ
เช่น FedEx บางเจ้า (ผมหมายถึงที่เป็น dealer อีกที ไม่ใช่บริษัทแม่) เค้าไม่รับส่งบางประเภท.... แต่ไม่ใช่หมายถึงทางอเมริกา หรือทางอีเบย์ผิดกฏนะครับ ยังขายได้
55+ ใบ้อีกแล้ว.... ถ้าคุณไปหาดูว่าอะไรบ้างที่ส่งยาก ๆ แล้วคุณพยายามขายมันซะเอง 55+ นึกออกหรือยังครับ
ประเด็นที่สอง แตกจากประเด็นแรก... แต่คงรู้กันอยู่แล้วมั้ง
ถ้าส่งพัสดุไปรษณีย์ไทย จะถูกสุด แต่คุณต้องเผื่อเวลาให้มันด้วย ประมาณ 2 เท่า
ผม เคยส่งของไปเมกา ถามทาง ปณ. บอกว่า 2-3 เืดือน (ทางทะเล) ที่จริงก็คุยกะลูกค้าแล้ว เค้าก็เอายังงี้... อ่ะอยากได้ก็จัดให้ คงอยากประหยัดตังค์
แต่ใช้เวลาจริง 6 เดือนครับ โอ้โห... แต่ดีมากที่ลูกค้าไม่ว่าอะไรเลย ไม่บ่นสักคำ จะบอกว่าผมส่งของไปผิดสีต่างหาก....
ประเด็นก็คือ ไม่กลัวยึดเงินทาง paypal คืนหรือครับ ตอบว่าไม่ เพราะเกิน 45 วัน ก็ยึดไม่ได้แล้ว
ก็ จะบอกอีกว่า ส่งของโดยใช้บริการที่นานนิดนึงครับ หรือถ้าส่งเร็วแบบ EMS ก็ต้องมีประกัน อย่างไปรษณีย์ไทยนี่จ่ายไม่เกิน 1,800 บาท เราก็ต้องส่งของราคาที่ว่า ถึงได้ค่าประกัน 1,800 คืนก็ยังคุ้ม ถ้าแพงกว่านั้น ก็ให้ส่งใช้เวลานาน ๆ กว่า 45 วัน
ลองกลับไปอ่านอีกทีนะครับ วิธีเทา ๆ เดี๋ยวเขียนอีก จะมีใครอ่านมั้ย
แต่ ที่สุดแล้ว ขายของด้วยความสุจริตดีสุดครับ ไอ้วิธีเทา ๆ ที่บอกนี่ไว้รับมือกับลูกค้าห่วยแตกครับ เพราะอีเบย์เข้าข้างลูกค้ามากกว่าอยู่แล้ว หุ หุ
มาต่อเรื่องส่งของครับ
เนื่องจากผมเคยขายของอยู่ 2 อย่าง อันแรกก็ที่บอกไปคือจตุคาม... กำไรก็พอสมควร แต่จริง ๆ หมดไปกับการโฆษณาเยอะเหมือนกัน ซึ่งพระเครื่องแบบนี้ ผมส่งแบบ EMS หมดเลยครับ แถมใสซองกันกระแทกอีก... เรียกว่าซื้อใจลูกค้าเลย แถมทำดี ๆ กำไรก็ยังเยอะอยู่ แล้วคุณเชื่อมั้ย มีคนที่กลับมาอุดหนุนอีกรอบด้วย !!!
อีกอันที่ขาย... 55+ ไม่บอกครับ ... ผมยังเก็บไว้อยู่ มันเป็นโจทย์ที่คุณต้องหากันเอง... แต่อันนี้จะบอกว่า น้ำหนักมาก หนักจนผมขี้เกียจทำต่อเพราะมันเหนื่อย และกระทบต่องานหลักของผม (อันนี้จะมาว่าผมขี้เกียจไม่ได้นะครับ )
แต่ตอนนี้ ท่าน ๆ ที่กำลังทำอยู่ ก็อยากรวยจากอีเบย์ใช่มั้ย งั้นก็จะมาขี้เกียจไม่ได้ 55+
กำลัง จะบอกว่า ขายทั้งที ก็ต้องเลือกกำไรดี ๆ เสียเวลาแล้วก็ต้องได้กำไรมาเยอะ ๆ ผมปล่อยเช่าพระ 10-15 องค์ ต้องเขียน lising 10-15 ครั้ง สู้มาขายอันเดียว ได้กำไรเท่ากันเลย แต่.... เสียเวลาห่อ 2 ชม.ต่อชิ้น
สินค้า อะไรห่อ 2 ชม.ต่อชิ้น มันใหญ่ครับ ผมต้องไปซื้อโฟมตัดเป็นแผ่น ๆ มารอง.. กล่องก็ไม่มี ต้องไปไปรษณีย์ซื้อกล่องใบใหญ่สุด 2 ใบมาตัดใหม่ แล้วพันเทปเอง แต่คุ้มครับ เขียน lising แล้วอัพ 1 ชม. + ไปรับของมาอีก 1.5 ชม. แล้วห่อ 2 ชม. ทำงาน4.5 ชม.ได้กำไร 2-3 พัน ก็ดีกว่างานทั่วไปเห็น ๆ แถมถ้าคุณทำได้มากกว่านี้ จะเสียเวลาต่อชิ้นน้อยกว่านี้อีก เพราะ listing มันก็ซ้ำ ๆ กัน ไปรับก็ใช้เวลาเท่าเดิม แล้วถ้าขายได้เยอะก็ไปจ้างทำกล่องดีกว่า เหลือเวลาคงแค่ 10 นาทีต่อชิ้น
แค่คิดก็อู้หูแล้ว... แต่ต้องทำด้วยครับ... ผมเองคงงดไว้ก่อน ตอนนี้ยังมีภาระที่สำคัญกว่า
แต่ยังว่างมาเขียนบอก แต่ก็ขอ +1 หน่อยนะครับ
วันนี้ต่อ ๆ นะครับ
จริง ๆ ผมก็ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ สงสัยเป็นหวัด ...
ขอเสนอเรื่องอย่าให้โอกาสหลุดมือครับ
หลัง จากที่ทำเว็บไปได้สักพัก... อ้อ... เดี๋ยวโพสหน้าผมจะเขียนเรื่องการสร้างร้านด้วยโปรแกรมตัวนึงนะครับ ไว้รับเงินทาง paypal อย่างเดียวเลย แต่ผมว่าดีกว่า CMS อีก... อย่าลืมเตือนนะครับ
แล้วก็อีกโพส เรื่องเทคนิคทำไงให้ลูกค้าคลิก item ของเรา (แต่เรื่องนี้อาจจะมะพร้าวไป ฯ ไปบ้าง ฟัง ๆ ขำ ๆ นะครับ)
เอาล่ะครับ ต่อ ๆ
หลัง จากทำเว็บเองไปได้สักพัก พร้อมขายอีเบย์ไปด้วย ลูกค้าก็เริ่มตามเข้าเว็บ ปรากฏว่าโชคดีมาก มีลูกค้าจากแถบตะวันออกกลางเค้าสนใจ บอกอยากซื้อไปขายต่อ และสิ่งที่เค้าต้องการคือ catalog
ปรากฏว่าผมมัวแต่ยุ่ง ๆ เลยไม่ได้ลืมทำส่งไป ก็ชวดเงินไปอย่างน่าเสียดาย...
แต่ คิดว่าถึงขั้นถูกหลอกมั้ย ก็ไม่ได้นะครับ พวกประเทศไนจีเลียนี่เราก็ตัดทิ้ง... ถ้าให้ส่งของไปก่อน ก็ไม่มีทาง หรือเงินไม่โอนก็ไม่มีทางเช่นกัน
สรุปว่า ถ้าเจอโอกาสดี ๆ ก็อย่าช้านะครับ ผมพลาดเองง่ะ
รู้สึกเรื่องนี้อ่านแล้วเฉย ๆ อ่านโพสต่อไปล่ะกันครับ แต่ผมยังเชื่อในทฤษฎีที่ว่า ทำเว็บเสริมไปด้วย ขายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า
ต่ออีกสักโพสนะครับ พอดีผมไม่ค่อยชอบ edit
ผมมีโปรแกรมตัวนึงมา แนะนำ อย่างที่บอกตั้งแต่แรก ๆ เลยว่า พอทำอีเบย์ก็อยากทำเว็บได้ แต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผมไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเว็บ html ยังไม่รู้จักเลย เราก็หาโปรแกรมอะไรง่าย ๆ ที่แบบว่าคลิก ๆ แล้ว มันสร้างเว็บให้เรา แล้วก็ขายของต่างประเทศได้ ตอนนั้นจำได้ว่าไปอ่านหนังสือของคุณอนุชา เค้าแนะนำโปรแกรมตัวนึง ชื่อ paypal shop builder (ปัจจุบัน เปลี่ยน paypal shop maker)
เว็บนี้ครับ ลองไปดู http://www.hkvstore.com/paypalshopmaker/
โปรแกรม ไม่ได้ยากอะไรมาก เราไม่ต้องรู้เรื่องอะไรเลย ใส่แค่รายะละเอียดสินค้า ราคา แล้วก็ account ของ paypal เราที่เราเอาไว้รับตังค์ก็พอ พอกด regenerate มันก็สร้างไฟล์ .html ต่าง ๆ จนครบ (หรือ .php ก็ได้) เราไม่ต้องไปรู้เรื่องการสร้างเว็บอะไรเลย เรื่องฐานข้อมูล MySQL ก็ไม่ต้อง (ผมว่าไอ้พวก CMS ที่เราพยายามเรียนรู้ทุกวันนี้ มันยากที่ MySQL นี่แหล่ะครับ)
ความเห็นผมนะครับ มันก็ดีมาก ตอนแรกจะเอามาเขียนหนังสือด้วยซ้ำ แต่คงไม่มีใครรับพิมพ์ เพราะเป็นโปรแกรมที่เค้าขาย (จริง ๆ แคร็ ก ก็มี ถ้าลองหา) แต่ราคาเต็มก็ประมาณ 3 พัน ซึ่งผมว่าถ้าทำเป็นอาชีพมันก็คงน่าจะคุ้มนะครับ
กำลังคิดว่าจะเขียนเรื่องอะไรดี ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่อง (ที่คิดไว้ในหัว) จะขายอะไรดี + ด้านมืด ๆ ซึ่งผมว่าอย่าเขียนดีกว่า ไม่จรรโลงใจเลย
เอาหัวข้อที่คุณ Happymild ถามนี่แหล่ะครับ ตรงประเด็นเลย แล้วก็ไม่มีใครเขียนถึง นั่นคือต้องเก่งภาษาอังกฤษหรือไม่
คำถามนี้ถามสั้น ตอบยาก ทำยากครับ นั่นคือ ถ้าเก่งภาษามันก็ดีสิครับ แน่นอนอยู่แล้ว
รู้ มั้ยครับว่า lising แรกที่ผมทำ ใช้เวลา 3-4 ชม. เพื่อที่จะพิมพ์ไม่กี่บรรทัด โอ้โหมันยากมาก แต่ข้อเท็จจริงที่คุณน่าจะทราบ แล้วก็ดีมาก ๆ คือ
- ครั้งต่อไป คุณจะใช้เวลาน้อยลง เพราะคุณชำนาญขึ้นไง
- ถ้าคุณขายของเดิม ๆ ครั้งต่อไปก็แค่ปรับปรุงนิดนึง แล้วก็โพสต่อได้เลย
- พิมพ์ผิด พิมพ์ถูก ไม่ได้ผิดกม.หนิครับ
ปัญหาที่เจอ ๆ ถ้าจะแตกประเด็นในข้อนีี้้้คือ
1. จะเขียน listing ยังไง
2. ถ้าลูกค้าถามจะโต้ตอบยังไง
เดี๋ยว คงมีคนมาตอบ อ้าวได้สิ ผมเป็นหมอ อ่านอังกฤษเก่งอยู่แล้ว .... ผมจะบอกว่าไม่เกี่ยว ถึงผมอ่าน text เป็นเล่ม ๆ แต่เป็นศัพท์เทคนิคทั้งนั้น ไม่เกี่ยว'ไร เลย งั้นบอกวิธีนะครับ
ข้อแรก เขียน lisitng ยังไง
- ง่าย ๆ ครับ ไปลอกคนอื่นเค้ามาเลย คนที่เค้าขายอยู่แล้ว เอาจากคนที่ขายดีด้วย แต่แบบนี้ทุเรศแน่นอน เผลอ ๆ เจ้าของเดิมจับได้ ฟ้องอีเบย์ คุณก็โดนแขวนเปล่า ๆ แล้วลองคิดดูว่าถ้าคุณเป็นคนถูกลอก ก็คงไม่ happy แน่นอน ผมหมายถึง ให้ดูเป็นแบบอย่างครับ ไม่เหมือนแต่คล้าย ๆ ก็ได้ เหมือนจะขายเสื้อ ยังไงก็ต้องบอกขนาดกะเบอร์เสื้อ แล้วก็สี ไม่หนีไปไหน เราคงไม่สามารถเขียนไปอย่างอื่นได้มากกว่านี้
- หรือเขียนภาษาไทยทั้งดุ้น แล้วแปลด้วย GG ครับ ลองอ่านดูว่ารู้เรื่อองมั้ย
- สุดท้าย เก่งอังกฤษก็เขียนเองแล้ว
- และไม้ตาย... 1 ภาพ แทนคำพูดได้ 1 พันคำ คุณแปะรูปไปเยอะ ๆ เลย (อ้อ เดี๋ยวกระทู้หน้าเขียนเรื่อง รูปสินค้าดีกว่า) คุณก็ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก
ข้อสอง ถ้าลูกค้าถามจะโต้ตอบยังไง
ถือ เป็นยาขมสุด ๆ ครับ เพราะเราไม่เก่งอังกฤษ ขนาดเจอฝรั่งเดินมาเรายังเดินหลบเลย ผมเองเจอคนไข้ฝรั่งก็ไม่อยากตรวจหรอกครับ เพราะคุยไม่รู้เรื่อง
แต่นี่เราคุยผ่านคีย์บอร์ดครับ ยังไงก็มีเวลาเปิด dict ทันอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวครับ
ที่ สำคัญ เรามักจะกลัวว่าเค้าจะไม่รู้เรื่อง ต้องใช้ tense หรือรูปประโยคแบบไหน ผมจะบอกว่าก็พิมพ์ ๆ ไปเถอะครับ ถ้าเราถามไป แล้วเค้าตอบกลับมา แล้วเราก็รู้เรื่อง แสดงว่าไอ้ที่เราพิมพ์ ๆ ไปมันก็คงโอเคอยู่ คุณอาจจะลองไปทดลองถามรายละเอียดสินค้าที่เค้าขาย ๆ กันก็ได้ แล้วจำรูปประโยคมาไว้ตอบ ก็เรียกว่าเลียนแบบ และคิดถึง FAQ ที่น่าจะเจอบ่อย ๆ ไงครับ
แล้วฝรั่ง ยังไงก็น่าอ่านที่เราพิมพ์รู้เรื่องนะครับ ฝัร่งที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษเป็นภาษาพ่อภาษาแม่นี้ก็น่าจะเยอะ ผมเองเคยตรวจคนไข้โซมาเลีย.. สบายเลย พูดอังกฤษงู ๆ ปลา ๆ ทั้งคู่
เพื่อ ให้สบายใจ ลองดูตัวอย่างของผมนะครับ อย่าหัวเรานะครับ เรื่องจริง ผมก็พิมพ์ถูก ๆ ผิด ๆ ไป ตอนที่ปล่อยเช่าพระ ผมจำประโยคที่เค้าถามไม่ได้ แต่ก็ประมาณนี้
-เค้าถามว่าทำมาจากอะไร
-ตอบ it made from many material , such as, wood, rock , flower
-ส่งยังไง
-ตอบ by Thailand Post, on sea , about 30 day
-ของแท้หรือเปล่า
- yes it real
แล้วถ้าคุณอยากให้ sure ๆ ผมมักจะตบท้ายด้วยประโยคต่อไปนี้ ทำให้เราดูโง่แต่น่ารัก ผมว่ามันทำให้เราดูซื่อสัตย์ดี
'sorry for my language, i not expert in English'
โพสหน้าเดี๋ยวมาว่าเรื่องการแปะรูป ถ้ามันยังกฏเดิมนะครับ จะเขียนละเอียดหน่อย
ใครอยากฟังก็กด thank เบา ๆ แต่ถี่ ๆ นะครับ ตอนนี้ผม 114
ได้มา 3 thank แล้ว .... งั้นวันนี้ต่ออีกเรื่องนะครับ เพราะไม่ค่อยได้เขียน
เรื่องของภาพประกอบ listing... อย่างที่บอกครับ 1 ภาพ แทนคำได้เป็นพันคำ ไม่รู้จะเขียนอะไร ก็ถ่ายภาพลงไปเรื่อย ๆ
เมื่อกี้ ผมได้ลองไปดูแบบการลง listing ล่าสุด เดี๋ยวนี้ลงภาพฟรี ได้ 12 ภาพแล้ว คิดถึงสมัยก่อนครับ ฟรีแค่รูปเดียว ถ้าอยากลงเพิ่มต้องจ่ายตังค์ แต่ถ้าอยากแทรกภาพลงใน listing ฟรีก็ต้องเอาภาพไปฝากกับ photobucket แล้วเอา link มาแปะอีกที
แต่การแทรกภาพลงใน listing ผมว่าก็ยังเป็นสิ่งที่น่าใช้ครับ โดยเฉพาะกรณีที่เราต้องการแทรกภาพมากกว่า 12 ภาพ
แต่ตอนนั้น ปัญหาที่ผมเจอคือ เข้าเว็บ photobucket ได้ช้ามาก ๆ ไม่รู้ทำไม ตอนนั้นเลยต้องใช้ mediafire แทน ก็พอถูไถ
แล้ว อีกปัญหาใหญ่อีกปัญหานึงคือ รูปที่เราพยายามอัพขึ้นไปใช้ เรามักถ่ายด้วยความละเอียดสูง 5-8 ล้าน เพราะกล้องเดี๋ยวนี้ก็ถูกลงมากแล้ว
แต่ผลก็คือภาพขนาดใหญ่มากครับ ขนาดตั้งแต่ 1 MB ไปจนถึง 4 MB
ถ้าแสดงรูปใหญ่ ๆ ก็โหลดช้า พอโหลดช้า ฝรั่งไม่รอดู ก็ปิดครับ ขายไม่ได้....
ดังนั้น ข้อ1 .............
-ลด ขนาดภาพก่อนอัพโหลดครับ โดยลดขนาดให้กว้างไม่เกิน 800 pix เดี๋ยวนี้จอส่วนใหญ่คนเล่นที่ประมาณ 1024 pix คุณจะอัพภาพใหญ่กว่านั้นก็ไม่มีประโยชน์
-ลดคุณภาพ ก่อนอัพโหลด ลองไปดูนะครับ อย่างโปรแกรม ACDSee เราสามารถลดคุณภาพภาพ jpeg ได้ ลดให้เหลือ 20% เลย ภาพส่วนใหญ่ยังดูรู้เรื่อง
ทำ 2 แบบนี้ ภาพจะเหลือประมาณ 100 KB เอง ครับ (0.1 MB)
ข้อ 2... advance มากขึ้น
ผม แนะนำว่าให้จดโดเมน + เช่าโฮสต่างประเทศครับ แล้วอัพภาพผ่าน FTP ขึ้นไปเลย เร็วกว่าด้วย แล้วเอาลิงค์ของภาพไปแปะ.... คุณอาจต้องมีความรู้เรื่อง html ขึ้นมาหน่อย
ตัวอย่างเช่น จดโดเมน www.mypicture.com คุณก็สร้าง subdir อันนึง เช่น /mypic แล้วก็อัพภาพลงไป เช่น 123.jpg
แล้วคุณก็เอาลิงค์นี้ไปแปะ ==>
ถ้า ให้ hiso มากขึ้น ศึกษาเรื่อง PHP + MySQL ไปเลย แล้วอัพภาพลงฐานข้อมูล ก็ได้อีกแบบ ถ้าทำได้ สามารถเขียนแทรกลายน้ำลงภาพได้เลย โค้ดก็ไม่ได้ยาวมาก
ลองดูนะครับ อันหลัง ๆ นี่อาจจะยากนิดนึง ทำแค่จดโดเมนแล้วอัพภาพขึ้นโฮสก็พอครับ
วันนี้ มา review หนังสือล่ะกันครับ ผมเองก็ซื้ออ่านเกือบทุกเล่ม จะลองแนะนำเล่มที่ผมอ่านแล้วคิดว่า OK นะครับ
ปล. ทุกเล่มที่ผม review ผมซื้อเกือบทุกเล่มเลย หมดไปเยอะ
เล่มนี้ ผมว่าเจ๋งสุดแล้วครับ ละเอียดมาก เพราะคนเขียนเค้าขายเองจริง เป็นเล่มแรกที่ผมซื้อเลย แล้วก็อ่านจบใน 2 ชม. ไม่พักเลย
เล่มนี้เป็นเล่ม 2 ที่แนะนำให้ซื้อควบไปเลยครับ ถ้ายังขายตลอด ได้ใช้แน่ ๆ
รู้สึกว่าคนเขียนเล่มนี้เป็นน้องสาวของคนเขียนเล่มแรก แนะนำเช่นกันครับ เพราะแนะนำปัญหาต่าง ๆ ไว้เยอะ
เล่มนี้ก็พอใช้ได้ครับ เพราะประธานชมรมไทยอีเบย์เขียนเอง จะเน้นไปเรื่องปัญหา และการเปรียบเทียบกำไร
เล่มนี้ เป็นเล่มแรกที่เขียนบอกเลยว่าจะเอาของที่ไหนมาขายครับ แนะนำอีกเล่ม
รวมเทคนิคครับ แนะนำให้อ่านด้วย
อันนี้ก็แนะนำเลยครับ เทคนิคเยอะมาก ๆ
เล่มนี้เหมาะกับคนที่อยากเปิด store ครับ อาจหายากนิดนึง
ส่วน เล่มอื่น ๆ ที่ผมไม่ได้นำเสนอนั้น บอกตรง ๆ ว่าไม่ได้ซื้อครับ แค่ยืนอ่านเฉย ๆ แต่ถ้าอ่านหมดนนี่ ผมว่ามันก็ครอบคลุมหมดแล้วนะครับ อะไรที่ไม่มีกล่าวถึง ค่อยมาถามในบอร์ดเอา....
ขอเสริมเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับอีเบย์โดยตรงนะครับ มันเป็นเรื่องของการซื้อหนังสือเล่มไหนดี
ผม เคยเห็นเพื่อน ๆ รุ่นน้อง หรือมือใหม่ ซื้อหนังสือมาอ่าน เพราะคนอื่นแนะนำ แต่พอเอาเข้าจริง มันกลับยากและทำไม่ได้ วันนี้ผมมีวิธีการซื้อหนังสือยังไงให้คุ้มค่าครับ
1. ไปอ่านที่ร้านเลย ต้องไปเลือกอ่านทีละเล่ม ๆ ที่เราสนใจครับ
2. เลือกเล่มที่ เราอ่านเข้าใจสุด แม้มันไม่ละเอียดสุด เราค่อยมาซื้อเล่มละเอียด ๆ ทีหลังก็ได้
3. เลือกเล่มที่ ขายดีสุด เพราะแสดงว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจ
อย่าซื้อเพราะ...
1. เห็นว่ามันเป็นเล่มที่ใหญ่ และละเอียดสุด มันจะยากเกินไป จนทำตามไม่ได้
2. เป็นเล่มที่เทพแนะนำ แต่คุณอ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ
แล้วถ้าซื้อมาแล้วล่ะ
ผมแนะนำว่ากลับไปดูเล่มที่อ่านเข้าใจง่ายกว่าครับ แล้วค่อยกลับมาอ่านอีกที
โพสนี้ดูแป้ก ๆ ยังไงไม่รู้.... +1 หน่อยนะครับ รู้สึกอาย ๆ ยังไงไม่ทราบ
เริ่มหมดมุก ไม่มีค่อยมีใครถาม
เอาเป็นว่าสรุป roadmap นะครับ
ใครที่ต้องการขายของออนไลน์ต่างประเทศก็ทำดังนี้
1. หาความรู้เรื่องอีเบย์มาอ่าน ตามหนังสือที่ผมแนะนำไป หรือที่คุณอ่านรู้เรื่อง
2. ต้องมีคอมต่อ adsl แล้วก็กล้องถ่ายรูป digital อันนึง
3. บัตรเครดิต และสมุดบัญชี ไปทำ paypal
4. เงินทุนซื้อของมา แบบที่บอกไว้ประมาณ 5 พัน (จริง พันสองพันก็ได้ แต่รวยช้า)
5. ไปหาของแบบจับเสื้อมือเปล่า แบบที่บอกไว้
6. ขายของออก ดึงเงินกลับ ซื้อใหม่ ทำไปเรื่อย ๆ
7. มีปัญหา อย่าท้อ.... ให้สู้... ผมพูดตรง ๆ ว่างานขายของทางเน็ตนี่ ง่ายกว่าไปทำก่อสร้าง แบกปูนซะอีก แต่แน่นอน เราก็ต้องเจอปัญหาอะไรที่มัน advance กว่าแน่นอนครับ
คราวนี้จะเริ่ม advance ขึ้นไปอีก
8. เปิดตลาดเพิ่ม ลองไปขายที่ ioffer ลองอ่านเล่มนี้ ครับ
ของคุณอนุชา ลีวรกุล จริง ๆ ผมว่าหนังสือของเค้าดีทุกเล่มนะ ก็แนะนำ ๆ
9. ทำเว็บเองเพิ่ม ด้วยเหตุผลที่ผมบอกไป ถ้าไม่รู้จะเริ่มยังไง ใช้อะไรก็ใช้ CMS opensource ฟรี แนะนำ 2 เล่มนี้
555+ โฆษณาหนังสือตัวเองซะเลย แต่ถ้าให้พูดตรง ๆ ก็คือผมมั่นใจในหนังสือผมนะ เพราะพื้นฐานการเขียนก็คือมาจากตัวผมเองที่อยากลองขายของทางเน็ต แต่สมัยนั้น (พูดเหมือนนานมาแล้ว แต่ก็พอสมควร เพราะเล่มแรกก็เกือบ 3 ปีแล้ว) ไม่มีใครเขียนเลยกะเรื่อง แนว ๆ ร้านค้าออนไลน์ เลยเขียนเองซะเลย
เอาเป็นว่าอยากทำเว็บเพิ่ม ลองพิจารณาอ่านดูหน่อยนะครับ
10. ถ้าอยากให้ไปได้ไกลยิ่งขึ้น ศึกษาเรื่อง SEO บ้างครับ เพื่อดันเว็บเราให้ดีขึ้น ที่น่าสนใจก็มี 4 เล่ม ครับ
ชอบเล่มไหนก็หยิบเล่มนั้น
ครบ 10 ข้อแล้ว อ่านจบก็ไม่รวย ถ้าไม่ลองทำครับ
ปล. แต่ผมไม่ได้ทำแล้วตอนนี้ เพราะงานหลักมันเยอะมาก ไม่ค่อยว่างแล้ว..
ปล. เพิ่ม... พอดีผมไม่ค่อยชอบแก้กระทู้ครับ
เรื่องอีเบย์ ยังไงก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ของผมที่เอามาเล่าให้ฟังนะครับ อย่างอื่นก็เป็นแนวคิดเสริม ว่าจะต่อยอดต่อไปอย่างไร
แต่ ของผมเอง ตอนนี้ก็ลองมาทำ aff hotel , amazon , ก็ไม่ค่อยสำเร็จ แต่เรื่อง ebay กับ joomla ก็พอตัวครับ ถือว่าเอามาแชร์กันแล้วกัน เพราะตอนนี้ก็ไม่ได้ทำอีเบย์แล้ว (แต่ถ้ามีโอกาสอีกก็ทำ เพราะมันสนุกดี)
โชคดีนะครับ
ผมตั้งกระทู้นี้ เพราะเห็นสมาชิก TSB 2-3 ท่านตั้งกระทู้ขึ้นมา ทำให้นึก ๆ ย้อนไป 2-3 ปีที่แล้วว่าเรามาเข้าบอร์ดนี้เพราะอะไร ตอนแรกก็แค่อยากลองหาสิ่งใหม่ ๆ หาเงินให้ได้ทางเน็ต ผมก็ลองอีเบย์อันดับแรกเลย จะบอกว่ามันทำตังค์ให้ได้จริง ๆ และได้เห็น ๆ เลย ถ้าสินค้าเราไม่แย่จนเกินไป จริง ๆ ของ ๆ ไทย ผมว่าขายได้อยู่แล้ว เอาง่าย ๆ ที่จัตุจักร ก็มีฝรั่งไปซื้อทุกเสาร์อาทิตย์ พ่อค้าแม่ค้าที่นั่นเค้าก็ขายได้ แล้วนี่เราเอาไปเซิร์ฟขายเค้าถึงที่ คิดค่าส่งอะไรแล้วก็ยังถูกกว่าเค้าบินมาซื้อเองเลยครับ
แถมกำไรก็ไม่ ใช่น้อย ๆ ตอนแรกผมทำเล่น ๆ (แต่ทำจริง) กะคร่าว ๆ กำไรอันละ 3 พัน เดือนนึงได้ หมื่นสอง เพราะขายได้เฉลี่ยสัปดาห์ละอัน แบบว่าขี้เกียจโปรโมท รวม ๆ ได้มากกว่ารายได้ประจำ (ในตอนนี้) ของผมอีก
แต่ ตอนหลัง ๆ ดันมาเบนเข็ม ทำ aff ทำ hotel ทำ adsense แล้วก็ทิ้งอีเบย์ไป ทุกวันนี้ขาดทุนสุด ๆ ถ้ารู้งี้ทำอีเบย์ต่ออาจจะรุ่ง... แต่ความรู้ที่ได้มานอกกรอบนี้ ก็ทำให้ผมทำอะไรได้มากขึ้น เขียนเว็บเป็นแล้ว แต่งหนังสือได้ ทั้ง ๆ ที่ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะทำได้ 555
นอกเรื่องไปเยอะแล้ว สรุปว่าใครที่ผิดหวังกะ amazon กับ adsense จะมาลองขายอีเบย์ดูก็ได้นะครับ แนะนำแบบนี้ถ้าอยากขาย
1. ซื้อหนังสืออีเบย์สัก 1-2 เล่มมาอ่าน ผมแนะนำของคุณกิต จรรยาประเสริฐ ซึ่งผมไม่ได้รู้จักอะไรเค้าหรอกครับ แต่เขียนดี ใช้ได้จริง ละเอียดมาก
2. ขายอะไรดี ก็ไปหาในอีเบย์นั่นแหล่ะครับ ว่าเค้านิยมค้นหาอะไร ถ้าอยากอ่านเทคนิค แนะนำของคุณโจ อนุชา ลีวรกุล เขียนดีมากเหมือนกัน
3. ขายยังไง แนะนำแบบจับเสือมือเปล่า ไปถ่ายรูปที่ร้านที่จะไปซื้อมาขายเลย แล้วเอามาแต่งด้วย photoshop เอา วิธีแต่งรูป ในหนังสือที่แนะนำก็บอกหมด
4. พิมพ์ listing ยังไง เอาแบบง่าย ๆ ก็เขียนตามคนอื่นเค้าครับ พยายามให้เป็นแบบของตัวเอง อย่าก็อบมาทั้งดุ้น ไม่ดี ๆ
เทคนิคอื่น ๆ ในหนังสือมีครบหมดแล้วครับ (ไม่ได้จะเชียร์ซื้อหนังสือนะครับ)
อยาก ให้มาลอง ๆ ดุกันครับ ทำดี ๆ ก็รวยได้ สัปดาห์นึงก็ทำงาน 2-3 วัน คือส่ง listing กับห่อของ ไปส่งไปรษณีย์ ผมว่าเงินมาเห็น ๆ (ตามความคิดผมนะ) เพราะทำ amazon กับ adsense แล้วไม่สำเร็จซะที ผมคงไม่ถนัดจริง ๆ
ใครชอบก็ +1 นะครับ จะมาพิมพ์ต่อ แนวบ่น ๆ
อ่ะ.. เล่าต่อ
คุณจำกันได้มั้ย เมื่อ 3 ปีที่แล้ว องค์พระจตุคามรามเทพดังมาก ใคร ๆ ก็เช่าหาไว้บูชา
บ้านผมอยู่ใกล้วัดพอดี ในกทม.นี่แหล่ะ ที่วัดเค้าปลุกแจกเพื่อปล่อยเช่าพอดี ผมก็เลยลองไปเช่ามา ตอนนั้นยังไม่จับเสือมือเปล่า...
เช่ามาองค์ละ 150 แต่เราก็ตามราคาตลาด ไม่ตัดราคาใคร และของเราก็แท้ด้วย เราปล่อยไปองค์ละ 6-7 ร้อย
ประมาณ 6 เดือน ก็ปล่อยเช่าไปได้ 33 องค์ แต่ตอนนี้เลิกแล้ว แต่เจ้าอาวาสยังจำผมได้
ต่อมา ผมก็อ่านหนังสือเพิ่ม เอ้า.. บอกว่าจัตุจักร มีของมากมายให้เลือกสรร แล้วก็มีอะไรบ้างที่ฝรั่งชอบ
1.เสื้อผ้า 2.เครื่องประดับบ้าน 3.อิเล็คทรอนิก 4. และ 5. จำไม่ได้
ผม ก็พยายามคิดว่าถ้าเป็นฝรั่ง อยากซื้ออะไร เอาง่าย ๆ คุณไปยืนดูที่ logistic ในจัตตุจักร เค้าส่งอะไรไปเยอะ ๆ คุณก็ไปดูอันนั้นแหล่ะ แสดงว่าฝรั่งซื้อกลับจริง แต่มันแบกไม่ไหว (คงอยากได้มากกกกก)
---> นี่ก็ใบ้เยอะแล้วครับ ผมไปดู มีกลองมโหรทึกด้วย คุณจะลองขายดูก็ได้
จาก นั้นก็แบกกล้องไปอันนึง เจอร้านที่ถูกใจ ขอเค้าถ่ายรูป เค้าจะไม่ให้ถ่ายครับ เพราะกลัวโดนก็อบ บอกไปเลยว่าเราจะเอาไปขายอีเบย์ ถ้าไม่ได้อีก ก็ซื้ออะไรถูก ๆ มาอันนึง (แต่ต้องคิดว่าขายได้แน่ ๆ) แล้วก็ขอถ่ายอันที่คิดว่าขายได้แน่ ๆ
จากนั้นก็กลับบ้านเอารูปมาแต่งด้วย photoshop ถ้าเก่งหน่อย คุณก็เปลี่ยนสีเองเลย จะได้สินค้าหลาย ๆ ชิ้น....
อ่ะ... สนใจจะฟังต่อมั้ยครับ
อ่า.. มีคนอยากฟัง 1 คนก็จะเล่า
จากนั้นก็อัพ listing ครับ... มันจะใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เพราะค่าธรรมเนียมแพง (มาก) แต่อีเบย์มันดีที่ traffic เดี๋ยวเรามีวิธีแก้
พอขายได้ เราก็กลับไปร้านเดิม ขอซื้ออันที่ขายได้นั่นแหล่ะ แล้วก็ส่งไปเลย (ผมข้ามเรื่องเทคนิค เพยพงเพยพาลนะครับ ขี้เกียจเขียน)
จากนั้น ขอถ่ายรูปเพิ่ม ขอนามบัตร ซื้ออย่างอื่นอีก (ถูก ๆ)
คุณ ทำวนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ คลังภาพสินค้าจะมีเป็นกระบุง แต่เราไม่อัพ list ทั้งกระบุงนี่หรอกครับ มันแพง เรามีวิธี (บางคนคงรู้อยู่แล้ว)
อยากฟังต่อมั้ยครับ เดี๋ยวเล่าต่อ ๆ คืนนี้ผมว่างพอสมควร
กระทู้ไม่แป๊กแล้ว หุ หุ
อย่างที่บอกครับ ว่าอีเบย์มัน traffic ดี แต่ค่าธรรมเนียมแพง ตอนนั้น (ซึ่งวิธีนี้ก็ยังใช้ได้อยู่) ผมเลยแก้ปัญหา 2 แบบ
1. ทำเว็บเองซะเลย พอดีไปคุยกะ logistic ที่ไปส่งบ่อย ๆ เค้าบอกว่า โอย... ผมขายจากเว็บผมเองได้มากกว่าอีเบย์อีก
วิธี ก็คือ เราทำหน้า Me page สวย ๆ แนะนำตัวเราซะเลย แล้วบอกว่ามีเว็บด้วย ซึ่งอันนี้อีเบย์ไม่ห้าม แต่ถ้าไปบอกใน listing เลยนี่โดนแขวนแน่ ๆ (ถ้าตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้วก็ขออภัย)
ถ้าวิธีเทา ๆ ก็คือ
คุณ พยายามแทรกรูปใน listing โดยปกติ หนังสือทั่วไป บอกว่าใหฝากที่ photobucket ใช่มั้ย แต่ผมไม่ทำ ผมฝากที่โฮสตัวเอง โดเมนตัวเองเลย แถมตั้ง alt ด้วย อย่างน้อยตอนวางเมาส์ผ่าน ก็ขึึ้้นเว็บเราได้
แต่ที่วางลายน้ำชื่อเว็บนี่ รู้สึกจะผิดนะครับ อย่าลอง
อ่ะ แต่อันนึงที่ทำได้คือทำกรอบให้รูปนะครับ ทำาีแดง ๆ เลย เด่นดี ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่ม
อย่างที่บอกครับ ว่าอีเบย์มัน traffic ดี แต่ค่าธรรมเนียมแพง ตอนนั้น (ซึ่งวิธีนี้ก็ยังใช้ได้อยู่) ผมเลยแก้ปัญหา 2 แบบ
1. ทำเว็บเองซะเลย พอดีไปคุยกะ logistic ที่ไปส่งบ่อย ๆ เค้าบอกว่า โอย... ผมขายจากเว็บผมเองได้มากกว่าอีเบย์อีก
วิธี ก็คือ เราทำหน้า Me page สวย ๆ แนะนำตัวเราซะเลย แล้วบอกว่ามีเว็บด้วย ซึ่งอันนี้อีเบย์ไม่ห้าม แต่ถ้าไปบอกใน listing เลยนี่โดนแขวนแน่ ๆ (ถ้าตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้วก็ขออภัย)
ถ้าวิธีเทา ๆ ก็คือ
คุณ พยายามแทรกรูปใน listing โดยปกติ หนังสือทั่วไป บอกว่าใหฝากที่ photobucket ใช่มั้ย แต่ผมไม่ทำ ผมฝากที่โฮสตัวเอง โดเมนตัวเองเลย แถมตั้ง alt ด้วย อย่างน้อยตอนวางเมาส์ผ่าน ก็ขึึ้้นเว็บเราได้
แต่ที่วางลายน้ำชื่อเว็บนี่ รู้สึกจะผิดนะครับ อย่าลอง
อ่ะ แต่อันนึงที่ทำได้คือทำกรอบให้รูปนะครับ ทำาีแดง ๆ เลย เด่นดี ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่ม
พิมพ์ต่อ ๆ
2. คือไปขายที่อื่นบ้าง ioffer อะไรอย่างนี้ ผมเห็นอีกกระทู้นึงก็เขียน นั่นถูกต้องเลย ถ้ามันฟรีเราก็ไม่เฉยครับ ผลลัพธ์ผมว่าง่ายกว่าำทำ SEO ให้ adsense อีก
ย้อนกลับไปข้อหนึ่งเพิ่มเติม
นี่ เป็นที่มาว่าทำไมผมเขียนหนังสือ 2 เล่ม เพราะสมัย 2-3 ปีที่แล้ว หนังสือสอน CMS e-commerce มีน้อย อันที่มีก็สั้นเกิน เลยเขียนเองซะเลย ตอนแรกเอาภูมิใจเป็นหลัก แต่หนังสือก็มีคนสนใจเยอะ แต่กระทู้นี้ผมไม่ได้ตั้งประเด็นมาขายหนังสือผมนะครับ มันนอกประเด็น
เอา เป็นว่าพอทำเว็บเอง แล้วเราก็ไปทำ me page ใส่รูปสินค้ามหึมาอลังการ ยัดลงไปเลย บอกว่ามีที่เว็บเรา แต่อันที่เรา list ไว้ ก็ต้องเป็นสินค้าประเภทแบบเตะตาสุด ๆ ราคาจะตั้งก็แล้วแต่ชอบ
แต่ สำคัญคือราคาที่เว็บเราถูกกว่า แน่ล่ะครับ เพราะเราไม่มีค่าธรรมเนียมแล้วนี่ แต่เว็บเราก็พยายามเชื่อมกับ paypal อยู่ดี เค้าจะได้ซื้อเพราะน่าเชื่อถือ
เดี๋ยวต่อีกครับ แหะ ๆ
ปัญหาในการขายก็คือ เรากลัวมีปัญหา....
พอมองย้อนกลับไป ผมเสียดายจัง ที่แก้ปัญหาไม่เป็น ถ้าถามตอนนี้เหรอ... ก็ดังน้ครับ
1. ถาม google ครับ หรือบอร์ดคนที่เล่นเยอะ ๆ เพราะปัญหาส่วนใหญ่ ๆ ใคร ๆ ก็เจอ มีคนถามอยู่แล้ว
2. มีหลายเว็บรับจ้างแก้ปัญหาให้ครับ จ้าง ๆ ไปเถอะ ผมมองว่าไม่แพง ตลาดอีเบย์ใหญ่ แล้วทำกำไรได้เยอะกว่า คุณเชื่อไหม ผมไปเอาของมาขาย นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน - ลอยฟ้าไปเลย สบายออก เพราะกำไรมาก ลูกค้าเป็นคนจ่าย.... อันนี้แล้วแต่จะคิด ถ้าอยากได้เพิ่มคุณก็ลองประหยัดอีก... แต่ผมไม่ไหวแล้ว เพราะอาชีพประจำก็เหนื่อยอยู่แล้ว
3. ห่อของ แต่ไม่มีกล่อง --> จ้างทำกล่อง
4. ไม่มีเวลาไปส่ง --> จ้างคนไปส่ง
5. หนัก ๆ เข้า ก็จ้างร้านที่เราไปเอาของไป ให้ส่งให้
คิดว่าลูกค้าเป็นคนจ่าย ... เราก็ทำงานง่ายขึ้น ก็... แล้วแต่จะคิดนะครับ อยากได้เพิ่มก็ประหยัด แต่ก็เหนื่อยขึ้น จนขี้เกียจทำ
ก่อนจะนอน (แล้วจริง ๆ)
มาบอกว่าที่ไหนเอาของมาขายได้ดี ผมเฉลยให้อันนึง (เพิ่งนึกออก จริง ๆ ก็บอกไปแล้ว)
นั่นคือกลุ่มเครื่องรางของขลัง... ไม่รู้ทำไม สงสัยฝรั่งคิดว่าเป็น symbol มั้ง
ผมว่าตอนนี้ในใจทุกคน คงจะคิดคล้าย ๆ กันว่าที่ไหน.... ท่าพระจันทร์ไงครับ ตลาดพระเยอะ....
ไม่รู้สินะ ผมสารภาพเลยว่า เคยใช้วิธีจับเสือมือเปล่าที่นั้นเหมือนกัน แล้วมันก็ขายดีด้วย
คิด ดู เฉลี่ยอันละ 50 บาท แต่ขาย 10 USD ก็ 300 ไม่รวมค่าส่ง กำไร 200 บาทขึ้น ขายสัปดาหละ 10 อัน 1 เดือนก็เท่าเงินเดือนขั้นต่ำข้าราชการแล้ว (มากกว่าอีก)
อ่ะ... แต่ผมถึงทำไมใช้ว่าขาย... เพราะมันปลอมครับ !!!
ตะกรุด แท้ที่ไหน อันละ 50 บาท ไม่มีหรอก... แต่ในอีเบย์ทุกวันนี้ ผมก็ยังเห็นมีคนขาย แต่จริง ๆ จะจริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่ของผมปลอมแน่ เพราะตามคนขายเลย บอกว่าปลอม... อ้าว แล้วไม่บอก
เผลอขายไป 4-5 อัน ขับรถชนท้ายปั๊บเลย จ่ายไป 4 พันสด ๆ ร้อยวันพันปีไม่เคยชน เชื่อเลยกฏแห่งกรรมจริง ๆ เลิกเลย (แต่ตอนที่ขาย 4-5 อันนี่ก็ไม่รู้นะครับว่าปลอม)
ทางแก้คือ ก็เอาไปปลุกเสกก่อนครับ... กลายเป็นของแท้ ซึ่งหมายถึงมีพุทธคุณในวัตถุ
แต่ทำไมต้องทำเรื่องให้ยุ่งยาก ผมว่าไปขายอย่างอื่นดีกว่า
ที่จะบอกในประเด็นนี้คือ อย่าขายของปลอมครับ .... ถึงไม่ใช่ปลอมยี่ห้อแบบที่อีเบย์ชอบแบน แต่มันก็ไม่ดี มันบาป ทำได้ไม่นานครับ
มาบอกว่าที่ไหนเอาของมาขายได้ดี ผมเฉลยให้อันนึง (เพิ่งนึกออก จริง ๆ ก็บอกไปแล้ว)
นั่นคือกลุ่มเครื่องรางของขลัง... ไม่รู้ทำไม สงสัยฝรั่งคิดว่าเป็น symbol มั้ง
ผมว่าตอนนี้ในใจทุกคน คงจะคิดคล้าย ๆ กันว่าที่ไหน.... ท่าพระจันทร์ไงครับ ตลาดพระเยอะ....
ไม่รู้สินะ ผมสารภาพเลยว่า เคยใช้วิธีจับเสือมือเปล่าที่นั้นเหมือนกัน แล้วมันก็ขายดีด้วย
คิด ดู เฉลี่ยอันละ 50 บาท แต่ขาย 10 USD ก็ 300 ไม่รวมค่าส่ง กำไร 200 บาทขึ้น ขายสัปดาหละ 10 อัน 1 เดือนก็เท่าเงินเดือนขั้นต่ำข้าราชการแล้ว (มากกว่าอีก)
อ่ะ... แต่ผมถึงทำไมใช้ว่าขาย... เพราะมันปลอมครับ !!!
ตะกรุด แท้ที่ไหน อันละ 50 บาท ไม่มีหรอก... แต่ในอีเบย์ทุกวันนี้ ผมก็ยังเห็นมีคนขาย แต่จริง ๆ จะจริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่ของผมปลอมแน่ เพราะตามคนขายเลย บอกว่าปลอม... อ้าว แล้วไม่บอก
เผลอขายไป 4-5 อัน ขับรถชนท้ายปั๊บเลย จ่ายไป 4 พันสด ๆ ร้อยวันพันปีไม่เคยชน เชื่อเลยกฏแห่งกรรมจริง ๆ เลิกเลย (แต่ตอนที่ขาย 4-5 อันนี่ก็ไม่รู้นะครับว่าปลอม)
ทางแก้คือ ก็เอาไปปลุกเสกก่อนครับ... กลายเป็นของแท้ ซึ่งหมายถึงมีพุทธคุณในวัตถุ
แต่ทำไมต้องทำเรื่องให้ยุ่งยาก ผมว่าไปขายอย่างอื่นดีกว่า
ที่จะบอกในประเด็นนี้คือ อย่าขายของปลอมครับ .... ถึงไม่ใช่ปลอมยี่ห้อแบบที่อีเบย์ชอบแบน แต่มันก็ไม่ดี มันบาป ทำได้ไม่นานครับ
เอาหล่ะ วันนี้มาต่อครับ
ขอเกริ่นเรื่อง วิธีส่งของ 55+
เพราะ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครเขียน ถ้าหมายถึงว่าส่งแบบ พัสดุ SAL ฯลฯ อะไรนั่น ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะครับ เพราะ searh ใน google ก็มีคนเขียนเยอะแล้ว ผมไม่พูดซ้ำ
ประเด็นก็คือ ของบางอย่างเราส่งได้ เฉพาะบาง logistic นะครับ
เช่น FedEx บางเจ้า (ผมหมายถึงที่เป็น dealer อีกที ไม่ใช่บริษัทแม่) เค้าไม่รับส่งบางประเภท.... แต่ไม่ใช่หมายถึงทางอเมริกา หรือทางอีเบย์ผิดกฏนะครับ ยังขายได้
55+ ใบ้อีกแล้ว.... ถ้าคุณไปหาดูว่าอะไรบ้างที่ส่งยาก ๆ แล้วคุณพยายามขายมันซะเอง 55+ นึกออกหรือยังครับ
ประเด็นที่สอง แตกจากประเด็นแรก... แต่คงรู้กันอยู่แล้วมั้ง
ถ้าส่งพัสดุไปรษณีย์ไทย จะถูกสุด แต่คุณต้องเผื่อเวลาให้มันด้วย ประมาณ 2 เท่า
ผม เคยส่งของไปเมกา ถามทาง ปณ. บอกว่า 2-3 เืดือน (ทางทะเล) ที่จริงก็คุยกะลูกค้าแล้ว เค้าก็เอายังงี้... อ่ะอยากได้ก็จัดให้ คงอยากประหยัดตังค์
แต่ใช้เวลาจริง 6 เดือนครับ โอ้โห... แต่ดีมากที่ลูกค้าไม่ว่าอะไรเลย ไม่บ่นสักคำ จะบอกว่าผมส่งของไปผิดสีต่างหาก....
ประเด็นก็คือ ไม่กลัวยึดเงินทาง paypal คืนหรือครับ ตอบว่าไม่ เพราะเกิน 45 วัน ก็ยึดไม่ได้แล้ว
ก็ จะบอกอีกว่า ส่งของโดยใช้บริการที่นานนิดนึงครับ หรือถ้าส่งเร็วแบบ EMS ก็ต้องมีประกัน อย่างไปรษณีย์ไทยนี่จ่ายไม่เกิน 1,800 บาท เราก็ต้องส่งของราคาที่ว่า ถึงได้ค่าประกัน 1,800 คืนก็ยังคุ้ม ถ้าแพงกว่านั้น ก็ให้ส่งใช้เวลานาน ๆ กว่า 45 วัน
ลองกลับไปอ่านอีกทีนะครับ วิธีเทา ๆ เดี๋ยวเขียนอีก จะมีใครอ่านมั้ย
แต่ ที่สุดแล้ว ขายของด้วยความสุจริตดีสุดครับ ไอ้วิธีเทา ๆ ที่บอกนี่ไว้รับมือกับลูกค้าห่วยแตกครับ เพราะอีเบย์เข้าข้างลูกค้ามากกว่าอยู่แล้ว หุ หุ
มาต่อเรื่องส่งของครับ
เนื่องจากผมเคยขายของอยู่ 2 อย่าง อันแรกก็ที่บอกไปคือจตุคาม... กำไรก็พอสมควร แต่จริง ๆ หมดไปกับการโฆษณาเยอะเหมือนกัน ซึ่งพระเครื่องแบบนี้ ผมส่งแบบ EMS หมดเลยครับ แถมใสซองกันกระแทกอีก... เรียกว่าซื้อใจลูกค้าเลย แถมทำดี ๆ กำไรก็ยังเยอะอยู่ แล้วคุณเชื่อมั้ย มีคนที่กลับมาอุดหนุนอีกรอบด้วย !!!
อีกอันที่ขาย... 55+ ไม่บอกครับ ... ผมยังเก็บไว้อยู่ มันเป็นโจทย์ที่คุณต้องหากันเอง... แต่อันนี้จะบอกว่า น้ำหนักมาก หนักจนผมขี้เกียจทำต่อเพราะมันเหนื่อย และกระทบต่องานหลักของผม (อันนี้จะมาว่าผมขี้เกียจไม่ได้นะครับ )
แต่ตอนนี้ ท่าน ๆ ที่กำลังทำอยู่ ก็อยากรวยจากอีเบย์ใช่มั้ย งั้นก็จะมาขี้เกียจไม่ได้ 55+
กำลัง จะบอกว่า ขายทั้งที ก็ต้องเลือกกำไรดี ๆ เสียเวลาแล้วก็ต้องได้กำไรมาเยอะ ๆ ผมปล่อยเช่าพระ 10-15 องค์ ต้องเขียน lising 10-15 ครั้ง สู้มาขายอันเดียว ได้กำไรเท่ากันเลย แต่.... เสียเวลาห่อ 2 ชม.ต่อชิ้น
สินค้า อะไรห่อ 2 ชม.ต่อชิ้น มันใหญ่ครับ ผมต้องไปซื้อโฟมตัดเป็นแผ่น ๆ มารอง.. กล่องก็ไม่มี ต้องไปไปรษณีย์ซื้อกล่องใบใหญ่สุด 2 ใบมาตัดใหม่ แล้วพันเทปเอง แต่คุ้มครับ เขียน lising แล้วอัพ 1 ชม. + ไปรับของมาอีก 1.5 ชม. แล้วห่อ 2 ชม. ทำงาน4.5 ชม.ได้กำไร 2-3 พัน ก็ดีกว่างานทั่วไปเห็น ๆ แถมถ้าคุณทำได้มากกว่านี้ จะเสียเวลาต่อชิ้นน้อยกว่านี้อีก เพราะ listing มันก็ซ้ำ ๆ กัน ไปรับก็ใช้เวลาเท่าเดิม แล้วถ้าขายได้เยอะก็ไปจ้างทำกล่องดีกว่า เหลือเวลาคงแค่ 10 นาทีต่อชิ้น
แค่คิดก็อู้หูแล้ว... แต่ต้องทำด้วยครับ... ผมเองคงงดไว้ก่อน ตอนนี้ยังมีภาระที่สำคัญกว่า
แต่ยังว่างมาเขียนบอก แต่ก็ขอ +1 หน่อยนะครับ
วันนี้ต่อ ๆ นะครับ
จริง ๆ ผมก็ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ สงสัยเป็นหวัด ...
ขอเสนอเรื่องอย่าให้โอกาสหลุดมือครับ
หลัง จากที่ทำเว็บไปได้สักพัก... อ้อ... เดี๋ยวโพสหน้าผมจะเขียนเรื่องการสร้างร้านด้วยโปรแกรมตัวนึงนะครับ ไว้รับเงินทาง paypal อย่างเดียวเลย แต่ผมว่าดีกว่า CMS อีก... อย่าลืมเตือนนะครับ
แล้วก็อีกโพส เรื่องเทคนิคทำไงให้ลูกค้าคลิก item ของเรา (แต่เรื่องนี้อาจจะมะพร้าวไป ฯ ไปบ้าง ฟัง ๆ ขำ ๆ นะครับ)
เอาล่ะครับ ต่อ ๆ
หลัง จากทำเว็บเองไปได้สักพัก พร้อมขายอีเบย์ไปด้วย ลูกค้าก็เริ่มตามเข้าเว็บ ปรากฏว่าโชคดีมาก มีลูกค้าจากแถบตะวันออกกลางเค้าสนใจ บอกอยากซื้อไปขายต่อ และสิ่งที่เค้าต้องการคือ catalog
ปรากฏว่าผมมัวแต่ยุ่ง ๆ เลยไม่ได้ลืมทำส่งไป ก็ชวดเงินไปอย่างน่าเสียดาย...
แต่ คิดว่าถึงขั้นถูกหลอกมั้ย ก็ไม่ได้นะครับ พวกประเทศไนจีเลียนี่เราก็ตัดทิ้ง... ถ้าให้ส่งของไปก่อน ก็ไม่มีทาง หรือเงินไม่โอนก็ไม่มีทางเช่นกัน
สรุปว่า ถ้าเจอโอกาสดี ๆ ก็อย่าช้านะครับ ผมพลาดเองง่ะ
รู้สึกเรื่องนี้อ่านแล้วเฉย ๆ อ่านโพสต่อไปล่ะกันครับ แต่ผมยังเชื่อในทฤษฎีที่ว่า ทำเว็บเสริมไปด้วย ขายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า
ต่ออีกสักโพสนะครับ พอดีผมไม่ค่อยชอบ edit
ผมมีโปรแกรมตัวนึงมา แนะนำ อย่างที่บอกตั้งแต่แรก ๆ เลยว่า พอทำอีเบย์ก็อยากทำเว็บได้ แต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผมไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเว็บ html ยังไม่รู้จักเลย เราก็หาโปรแกรมอะไรง่าย ๆ ที่แบบว่าคลิก ๆ แล้ว มันสร้างเว็บให้เรา แล้วก็ขายของต่างประเทศได้ ตอนนั้นจำได้ว่าไปอ่านหนังสือของคุณอนุชา เค้าแนะนำโปรแกรมตัวนึง ชื่อ paypal shop builder (ปัจจุบัน เปลี่ยน paypal shop maker)
เว็บนี้ครับ ลองไปดู http://www.hkvstore.com/paypalshopmaker/
โปรแกรม ไม่ได้ยากอะไรมาก เราไม่ต้องรู้เรื่องอะไรเลย ใส่แค่รายะละเอียดสินค้า ราคา แล้วก็ account ของ paypal เราที่เราเอาไว้รับตังค์ก็พอ พอกด regenerate มันก็สร้างไฟล์ .html ต่าง ๆ จนครบ (หรือ .php ก็ได้) เราไม่ต้องไปรู้เรื่องการสร้างเว็บอะไรเลย เรื่องฐานข้อมูล MySQL ก็ไม่ต้อง (ผมว่าไอ้พวก CMS ที่เราพยายามเรียนรู้ทุกวันนี้ มันยากที่ MySQL นี่แหล่ะครับ)
ความเห็นผมนะครับ มันก็ดีมาก ตอนแรกจะเอามาเขียนหนังสือด้วยซ้ำ แต่คงไม่มีใครรับพิมพ์ เพราะเป็นโปรแกรมที่เค้าขาย (จริง ๆ แคร็ ก ก็มี ถ้าลองหา) แต่ราคาเต็มก็ประมาณ 3 พัน ซึ่งผมว่าถ้าทำเป็นอาชีพมันก็คงน่าจะคุ้มนะครับ
กำลังคิดว่าจะเขียนเรื่องอะไรดี ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่อง (ที่คิดไว้ในหัว) จะขายอะไรดี + ด้านมืด ๆ ซึ่งผมว่าอย่าเขียนดีกว่า ไม่จรรโลงใจเลย
เอาหัวข้อที่คุณ Happymild ถามนี่แหล่ะครับ ตรงประเด็นเลย แล้วก็ไม่มีใครเขียนถึง นั่นคือต้องเก่งภาษาอังกฤษหรือไม่
คำถามนี้ถามสั้น ตอบยาก ทำยากครับ นั่นคือ ถ้าเก่งภาษามันก็ดีสิครับ แน่นอนอยู่แล้ว
รู้ มั้ยครับว่า lising แรกที่ผมทำ ใช้เวลา 3-4 ชม. เพื่อที่จะพิมพ์ไม่กี่บรรทัด โอ้โหมันยากมาก แต่ข้อเท็จจริงที่คุณน่าจะทราบ แล้วก็ดีมาก ๆ คือ
- ครั้งต่อไป คุณจะใช้เวลาน้อยลง เพราะคุณชำนาญขึ้นไง
- ถ้าคุณขายของเดิม ๆ ครั้งต่อไปก็แค่ปรับปรุงนิดนึง แล้วก็โพสต่อได้เลย
- พิมพ์ผิด พิมพ์ถูก ไม่ได้ผิดกม.หนิครับ
ปัญหาที่เจอ ๆ ถ้าจะแตกประเด็นในข้อนีี้้้คือ
1. จะเขียน listing ยังไง
2. ถ้าลูกค้าถามจะโต้ตอบยังไง
เดี๋ยว คงมีคนมาตอบ อ้าวได้สิ ผมเป็นหมอ อ่านอังกฤษเก่งอยู่แล้ว .... ผมจะบอกว่าไม่เกี่ยว ถึงผมอ่าน text เป็นเล่ม ๆ แต่เป็นศัพท์เทคนิคทั้งนั้น ไม่เกี่ยว'ไร เลย งั้นบอกวิธีนะครับ
ข้อแรก เขียน lisitng ยังไง
- ง่าย ๆ ครับ ไปลอกคนอื่นเค้ามาเลย คนที่เค้าขายอยู่แล้ว เอาจากคนที่ขายดีด้วย แต่แบบนี้ทุเรศแน่นอน เผลอ ๆ เจ้าของเดิมจับได้ ฟ้องอีเบย์ คุณก็โดนแขวนเปล่า ๆ แล้วลองคิดดูว่าถ้าคุณเป็นคนถูกลอก ก็คงไม่ happy แน่นอน ผมหมายถึง ให้ดูเป็นแบบอย่างครับ ไม่เหมือนแต่คล้าย ๆ ก็ได้ เหมือนจะขายเสื้อ ยังไงก็ต้องบอกขนาดกะเบอร์เสื้อ แล้วก็สี ไม่หนีไปไหน เราคงไม่สามารถเขียนไปอย่างอื่นได้มากกว่านี้
- หรือเขียนภาษาไทยทั้งดุ้น แล้วแปลด้วย GG ครับ ลองอ่านดูว่ารู้เรื่อองมั้ย
- สุดท้าย เก่งอังกฤษก็เขียนเองแล้ว
- และไม้ตาย... 1 ภาพ แทนคำพูดได้ 1 พันคำ คุณแปะรูปไปเยอะ ๆ เลย (อ้อ เดี๋ยวกระทู้หน้าเขียนเรื่อง รูปสินค้าดีกว่า) คุณก็ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก
ข้อสอง ถ้าลูกค้าถามจะโต้ตอบยังไง
ถือ เป็นยาขมสุด ๆ ครับ เพราะเราไม่เก่งอังกฤษ ขนาดเจอฝรั่งเดินมาเรายังเดินหลบเลย ผมเองเจอคนไข้ฝรั่งก็ไม่อยากตรวจหรอกครับ เพราะคุยไม่รู้เรื่อง
แต่นี่เราคุยผ่านคีย์บอร์ดครับ ยังไงก็มีเวลาเปิด dict ทันอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวครับ
ที่ สำคัญ เรามักจะกลัวว่าเค้าจะไม่รู้เรื่อง ต้องใช้ tense หรือรูปประโยคแบบไหน ผมจะบอกว่าก็พิมพ์ ๆ ไปเถอะครับ ถ้าเราถามไป แล้วเค้าตอบกลับมา แล้วเราก็รู้เรื่อง แสดงว่าไอ้ที่เราพิมพ์ ๆ ไปมันก็คงโอเคอยู่ คุณอาจจะลองไปทดลองถามรายละเอียดสินค้าที่เค้าขาย ๆ กันก็ได้ แล้วจำรูปประโยคมาไว้ตอบ ก็เรียกว่าเลียนแบบ และคิดถึง FAQ ที่น่าจะเจอบ่อย ๆ ไงครับ
แล้วฝรั่ง ยังไงก็น่าอ่านที่เราพิมพ์รู้เรื่องนะครับ ฝัร่งที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษเป็นภาษาพ่อภาษาแม่นี้ก็น่าจะเยอะ ผมเองเคยตรวจคนไข้โซมาเลีย.. สบายเลย พูดอังกฤษงู ๆ ปลา ๆ ทั้งคู่
เพื่อ ให้สบายใจ ลองดูตัวอย่างของผมนะครับ อย่าหัวเรานะครับ เรื่องจริง ผมก็พิมพ์ถูก ๆ ผิด ๆ ไป ตอนที่ปล่อยเช่าพระ ผมจำประโยคที่เค้าถามไม่ได้ แต่ก็ประมาณนี้
-เค้าถามว่าทำมาจากอะไร
-ตอบ it made from many material , such as, wood, rock , flower
-ส่งยังไง
-ตอบ by Thailand Post, on sea , about 30 day
-ของแท้หรือเปล่า
- yes it real
แล้วถ้าคุณอยากให้ sure ๆ ผมมักจะตบท้ายด้วยประโยคต่อไปนี้ ทำให้เราดูโง่แต่น่ารัก ผมว่ามันทำให้เราดูซื่อสัตย์ดี
'sorry for my language, i not expert in English'
โพสหน้าเดี๋ยวมาว่าเรื่องการแปะรูป ถ้ามันยังกฏเดิมนะครับ จะเขียนละเอียดหน่อย
ใครอยากฟังก็กด thank เบา ๆ แต่ถี่ ๆ นะครับ ตอนนี้ผม 114
ได้มา 3 thank แล้ว .... งั้นวันนี้ต่ออีกเรื่องนะครับ เพราะไม่ค่อยได้เขียน
เรื่องของภาพประกอบ listing... อย่างที่บอกครับ 1 ภาพ แทนคำได้เป็นพันคำ ไม่รู้จะเขียนอะไร ก็ถ่ายภาพลงไปเรื่อย ๆ
เมื่อกี้ ผมได้ลองไปดูแบบการลง listing ล่าสุด เดี๋ยวนี้ลงภาพฟรี ได้ 12 ภาพแล้ว คิดถึงสมัยก่อนครับ ฟรีแค่รูปเดียว ถ้าอยากลงเพิ่มต้องจ่ายตังค์ แต่ถ้าอยากแทรกภาพลงใน listing ฟรีก็ต้องเอาภาพไปฝากกับ photobucket แล้วเอา link มาแปะอีกที
แต่การแทรกภาพลงใน listing ผมว่าก็ยังเป็นสิ่งที่น่าใช้ครับ โดยเฉพาะกรณีที่เราต้องการแทรกภาพมากกว่า 12 ภาพ
แต่ตอนนั้น ปัญหาที่ผมเจอคือ เข้าเว็บ photobucket ได้ช้ามาก ๆ ไม่รู้ทำไม ตอนนั้นเลยต้องใช้ mediafire แทน ก็พอถูไถ
แล้ว อีกปัญหาใหญ่อีกปัญหานึงคือ รูปที่เราพยายามอัพขึ้นไปใช้ เรามักถ่ายด้วยความละเอียดสูง 5-8 ล้าน เพราะกล้องเดี๋ยวนี้ก็ถูกลงมากแล้ว
แต่ผลก็คือภาพขนาดใหญ่มากครับ ขนาดตั้งแต่ 1 MB ไปจนถึง 4 MB
ถ้าแสดงรูปใหญ่ ๆ ก็โหลดช้า พอโหลดช้า ฝรั่งไม่รอดู ก็ปิดครับ ขายไม่ได้....
ดังนั้น ข้อ1 .............
-ลด ขนาดภาพก่อนอัพโหลดครับ โดยลดขนาดให้กว้างไม่เกิน 800 pix เดี๋ยวนี้จอส่วนใหญ่คนเล่นที่ประมาณ 1024 pix คุณจะอัพภาพใหญ่กว่านั้นก็ไม่มีประโยชน์
-ลดคุณภาพ ก่อนอัพโหลด ลองไปดูนะครับ อย่างโปรแกรม ACDSee เราสามารถลดคุณภาพภาพ jpeg ได้ ลดให้เหลือ 20% เลย ภาพส่วนใหญ่ยังดูรู้เรื่อง
ทำ 2 แบบนี้ ภาพจะเหลือประมาณ 100 KB เอง ครับ (0.1 MB)
ข้อ 2... advance มากขึ้น
ผม แนะนำว่าให้จดโดเมน + เช่าโฮสต่างประเทศครับ แล้วอัพภาพผ่าน FTP ขึ้นไปเลย เร็วกว่าด้วย แล้วเอาลิงค์ของภาพไปแปะ.... คุณอาจต้องมีความรู้เรื่อง html ขึ้นมาหน่อย
ตัวอย่างเช่น จดโดเมน www.mypicture.com คุณก็สร้าง subdir อันนึง เช่น /mypic แล้วก็อัพภาพลงไป เช่น 123.jpg
แล้วคุณก็เอาลิงค์นี้ไปแปะ ==>
แค่นี้ก็ได้ภาพแปะแล้วโค๊ด:<img src="http://www.mypicture.com/mypic/123.jpg">
ถ้า ให้ hiso มากขึ้น ศึกษาเรื่อง PHP + MySQL ไปเลย แล้วอัพภาพลงฐานข้อมูล ก็ได้อีกแบบ ถ้าทำได้ สามารถเขียนแทรกลายน้ำลงภาพได้เลย โค้ดก็ไม่ได้ยาวมาก
ลองดูนะครับ อันหลัง ๆ นี่อาจจะยากนิดนึง ทำแค่จดโดเมนแล้วอัพภาพขึ้นโฮสก็พอครับ
วันนี้ มา review หนังสือล่ะกันครับ ผมเองก็ซื้ออ่านเกือบทุกเล่ม จะลองแนะนำเล่มที่ผมอ่านแล้วคิดว่า OK นะครับ
ปล. ทุกเล่มที่ผม review ผมซื้อเกือบทุกเล่มเลย หมดไปเยอะ
เล่มนี้ ผมว่าเจ๋งสุดแล้วครับ ละเอียดมาก เพราะคนเขียนเค้าขายเองจริง เป็นเล่มแรกที่ผมซื้อเลย แล้วก็อ่านจบใน 2 ชม. ไม่พักเลย
เล่มนี้เป็นเล่ม 2 ที่แนะนำให้ซื้อควบไปเลยครับ ถ้ายังขายตลอด ได้ใช้แน่ ๆ
รู้สึกว่าคนเขียนเล่มนี้เป็นน้องสาวของคนเขียนเล่มแรก แนะนำเช่นกันครับ เพราะแนะนำปัญหาต่าง ๆ ไว้เยอะ
เล่มนี้ก็พอใช้ได้ครับ เพราะประธานชมรมไทยอีเบย์เขียนเอง จะเน้นไปเรื่องปัญหา และการเปรียบเทียบกำไร
เล่มนี้ เป็นเล่มแรกที่เขียนบอกเลยว่าจะเอาของที่ไหนมาขายครับ แนะนำอีกเล่ม
รวมเทคนิคครับ แนะนำให้อ่านด้วย
อันนี้ก็แนะนำเลยครับ เทคนิคเยอะมาก ๆ
เล่มนี้เหมาะกับคนที่อยากเปิด store ครับ อาจหายากนิดนึง
ส่วน เล่มอื่น ๆ ที่ผมไม่ได้นำเสนอนั้น บอกตรง ๆ ว่าไม่ได้ซื้อครับ แค่ยืนอ่านเฉย ๆ แต่ถ้าอ่านหมดนนี่ ผมว่ามันก็ครอบคลุมหมดแล้วนะครับ อะไรที่ไม่มีกล่าวถึง ค่อยมาถามในบอร์ดเอา....
ขอเสริมเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับอีเบย์โดยตรงนะครับ มันเป็นเรื่องของการซื้อหนังสือเล่มไหนดี
ผม เคยเห็นเพื่อน ๆ รุ่นน้อง หรือมือใหม่ ซื้อหนังสือมาอ่าน เพราะคนอื่นแนะนำ แต่พอเอาเข้าจริง มันกลับยากและทำไม่ได้ วันนี้ผมมีวิธีการซื้อหนังสือยังไงให้คุ้มค่าครับ
1. ไปอ่านที่ร้านเลย ต้องไปเลือกอ่านทีละเล่ม ๆ ที่เราสนใจครับ
2. เลือกเล่มที่ เราอ่านเข้าใจสุด แม้มันไม่ละเอียดสุด เราค่อยมาซื้อเล่มละเอียด ๆ ทีหลังก็ได้
3. เลือกเล่มที่ ขายดีสุด เพราะแสดงว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจ
อย่าซื้อเพราะ...
1. เห็นว่ามันเป็นเล่มที่ใหญ่ และละเอียดสุด มันจะยากเกินไป จนทำตามไม่ได้
2. เป็นเล่มที่เทพแนะนำ แต่คุณอ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ
แล้วถ้าซื้อมาแล้วล่ะ
ผมแนะนำว่ากลับไปดูเล่มที่อ่านเข้าใจง่ายกว่าครับ แล้วค่อยกลับมาอ่านอีกที
โพสนี้ดูแป้ก ๆ ยังไงไม่รู้.... +1 หน่อยนะครับ รู้สึกอาย ๆ ยังไงไม่ทราบ
เริ่มหมดมุก ไม่มีค่อยมีใครถาม
เอาเป็นว่าสรุป roadmap นะครับ
ใครที่ต้องการขายของออนไลน์ต่างประเทศก็ทำดังนี้
1. หาความรู้เรื่องอีเบย์มาอ่าน ตามหนังสือที่ผมแนะนำไป หรือที่คุณอ่านรู้เรื่อง
2. ต้องมีคอมต่อ adsl แล้วก็กล้องถ่ายรูป digital อันนึง
3. บัตรเครดิต และสมุดบัญชี ไปทำ paypal
4. เงินทุนซื้อของมา แบบที่บอกไว้ประมาณ 5 พัน (จริง พันสองพันก็ได้ แต่รวยช้า)
5. ไปหาของแบบจับเสื้อมือเปล่า แบบที่บอกไว้
6. ขายของออก ดึงเงินกลับ ซื้อใหม่ ทำไปเรื่อย ๆ
7. มีปัญหา อย่าท้อ.... ให้สู้... ผมพูดตรง ๆ ว่างานขายของทางเน็ตนี่ ง่ายกว่าไปทำก่อสร้าง แบกปูนซะอีก แต่แน่นอน เราก็ต้องเจอปัญหาอะไรที่มัน advance กว่าแน่นอนครับ
คราวนี้จะเริ่ม advance ขึ้นไปอีก
8. เปิดตลาดเพิ่ม ลองไปขายที่ ioffer ลองอ่านเล่มนี้ ครับ
ของคุณอนุชา ลีวรกุล จริง ๆ ผมว่าหนังสือของเค้าดีทุกเล่มนะ ก็แนะนำ ๆ
9. ทำเว็บเองเพิ่ม ด้วยเหตุผลที่ผมบอกไป ถ้าไม่รู้จะเริ่มยังไง ใช้อะไรก็ใช้ CMS opensource ฟรี แนะนำ 2 เล่มนี้
555+ โฆษณาหนังสือตัวเองซะเลย แต่ถ้าให้พูดตรง ๆ ก็คือผมมั่นใจในหนังสือผมนะ เพราะพื้นฐานการเขียนก็คือมาจากตัวผมเองที่อยากลองขายของทางเน็ต แต่สมัยนั้น (พูดเหมือนนานมาแล้ว แต่ก็พอสมควร เพราะเล่มแรกก็เกือบ 3 ปีแล้ว) ไม่มีใครเขียนเลยกะเรื่อง แนว ๆ ร้านค้าออนไลน์ เลยเขียนเองซะเลย
เอาเป็นว่าอยากทำเว็บเพิ่ม ลองพิจารณาอ่านดูหน่อยนะครับ
10. ถ้าอยากให้ไปได้ไกลยิ่งขึ้น ศึกษาเรื่อง SEO บ้างครับ เพื่อดันเว็บเราให้ดีขึ้น ที่น่าสนใจก็มี 4 เล่ม ครับ
ชอบเล่มไหนก็หยิบเล่มนั้น
ครบ 10 ข้อแล้ว อ่านจบก็ไม่รวย ถ้าไม่ลองทำครับ
ปล. แต่ผมไม่ได้ทำแล้วตอนนี้ เพราะงานหลักมันเยอะมาก ไม่ค่อยว่างแล้ว..
ปล. เพิ่ม... พอดีผมไม่ค่อยชอบแก้กระทู้ครับ
เรื่องอีเบย์ ยังไงก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ของผมที่เอามาเล่าให้ฟังนะครับ อย่างอื่นก็เป็นแนวคิดเสริม ว่าจะต่อยอดต่อไปอย่างไร
แต่ ของผมเอง ตอนนี้ก็ลองมาทำ aff hotel , amazon , ก็ไม่ค่อยสำเร็จ แต่เรื่อง ebay กับ joomla ก็พอตัวครับ ถือว่าเอามาแชร์กันแล้วกัน เพราะตอนนี้ก็ไม่ได้ทำอีเบย์แล้ว (แต่ถ้ามีโอกาสอีกก็ทำ เพราะมันสนุกดี)
โชคดีนะครับ
15 มิถุนายน 2554
ลงขายสินค้าไม่ได้ครับ
ที่มา : ebay.co.th
Question
ผมลงรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าเสร็จแล้วแต่ไม่สามารถลงขายได้โดยที่ขั้นตอน 3. REVIEW YOUR LISTING ได้แสดงข้อความว่า
Answer
ไม่ได้ละเมิดอะไรหรอกค่ะ แต่คุณสามารถลงขายได้ 100 ชิ้นต่อเดือน .. ซึ่งก็ถึงแล้วเรียบร้อย..
คุณสามารถติดต่อให้อีเบย์ review account ของคุณ เพื่อขยายจำนวนลงขายได้ ที่หน้า ติดต่ออีเบย์ ด้านบนนี้ แล้วแจ้งเบอร์โทรของคุณเพื่อให้เจ้าหน้าที่อีเบย์ (ประจำอยู่ที่จีน) ติดต่อกลับค่ะ ..
แต่ส่วนใหญ่ ถ้ายังไม่มีประวัติดีๆ คือขายไปหลายชิ้นแล้ว ได้ feedback ดีเกือบหมด คะแนน DSR สูง.. เขามักจะไม่ปรับให้ค่ะ
Question
ผมลงรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าเสร็จแล้วแต่ไม่สามารถลงขายได้โดยที่ขั้นตอน 3. REVIEW YOUR LISTING ได้แสดงข้อความว่า
You've reached the selling limit for the number of items you can list. New sellers are limited to 100 (active + completed) items per 30-day period. This means you can stay within your limit or contact us to review your account with you.ผมไม่เข้าใจถึงลิมิตเกี่ยวกับอะไรครับ เพิ่งลงขายเป็นครั้งแรกครับแล้วลงแค่สินค้าตัวเดียวด้วย ช่วยตอบปัญหานี้ที่เมล์ผมด้วยนะครับ tu-chaipakron@hotmail.com
We'd like the opportunity to review your account to help ensure you are on track to provide a good experience for eBay buyers.
Within Singapore, please call us at 65-6510-4506 between 9:00 AM and 6:00 PM (GMT+8) Monday-Friday to speak with a customer support representative.
Within Thailand, please visit our help page and submit a phone number you can be reached at.
If the area in which you reside is not listed above, please write an email to verifyhk@ebay.com with a phone number you can be reached at.
We look forward to the chance to talk with you about your current and future business plans, along with your supplier information. This conversation will help us make sure that all new sellers meet their buyers' expectations.
Answer
ไม่ได้ละเมิดอะไรหรอกค่ะ แต่คุณสามารถลงขายได้ 100 ชิ้นต่อเดือน .. ซึ่งก็ถึงแล้วเรียบร้อย..
คุณสามารถติดต่อให้อีเบย์ review account ของคุณ เพื่อขยายจำนวนลงขายได้ ที่หน้า ติดต่ออีเบย์ ด้านบนนี้ แล้วแจ้งเบอร์โทรของคุณเพื่อให้เจ้าหน้าที่อีเบย์ (ประจำอยู่ที่จีน) ติดต่อกลับค่ะ ..
แต่ส่วนใหญ่ ถ้ายังไม่มีประวัติดีๆ คือขายไปหลายชิ้นแล้ว ได้ feedback ดีเกือบหมด คะแนน DSR สูง.. เขามักจะไม่ปรับให้ค่ะ
เกี่ยวกับปัญหาโดนlimit ทั้งที่feedback500+แล้วครับ
ที่มา ebay.co.th
Question
ขายสิ้นค้าบนebayมานานแล้วfeedback500+แล้วแต่ทำไมโดนlimitได้ไม่รู้ครับ
พอดีมีธุระทำให้ต้องเดินทางเลยหยุดลงสิ้นค้าไป10วัน
แล้วพอกลับมาลงสิ้นค้ามันก็ขึ้นเตือน
ไม่รู้ปัญหาเกิดจากอะไรแล้วควรแก้ยังไงครับ
รบกวนผู้รู้ช่วยทีนะครับ
Answer
คะแนน feedback ดีหรือเปล่าคะ
ถ้าดูดีหมดน่าจะขอขยายได้.. ติดต่อตาม link ที่ให้มาในemail หรือติดต่อ live chat น่าจะได้นะคะ
เพราะคุณเป็นคนขายเก่าแล้วก็มี feedback เยอะแล้ว
Question
ขายสิ้นค้าบนebayมานานแล้วfeedback500+แล้วแต่ทำไมโดนlimitได้ไม่รู้ครับ
พอดีมีธุระทำให้ต้องเดินทางเลยหยุดลงสิ้นค้าไป10วัน
แล้วพอกลับมาลงสิ้นค้ามันก็ขึ้นเตือน
You reached your selling limits for this month. Request a higher selling limit or check next month to see when you can list more items.
ไม่รู้ปัญหาเกิดจากอะไรแล้วควรแก้ยังไงครับ
รบกวนผู้รู้ช่วยทีนะครับ
Answer
คะแนน feedback ดีหรือเปล่าคะ
ถ้าดูดีหมดน่าจะขอขยายได้.. ติดต่อตาม link ที่ให้มาในemail หรือติดต่อ live chat น่าจะได้นะคะ
เพราะคุณเป็นคนขายเก่าแล้วก็มี feedback เยอะแล้ว
เปรียบเทียบระหว่าง เปิดสโตร์ กับ ไม่เปิดสโตร์ แตกต่างกันยังไง
ที่มา ebay.co.th
Question
ศึกษาข้อมูลมาหลายรอบมาก จะตัดสินใจเปิดสโตร์ดีหรือป่าวยังไม่แน่ใจว่า มันได้ข้อดีตรงไหนบ้าง
ค่าธรรมเนียมต่างกันกี่เหรียญ หรือ เราดูแล้วไม่เข้าใจเอง ใครก็ได้ช่่วย แจกออกมาเป็นข้อๆ ได้หรือป่าว
Answer
เปิดอีเบย์สโตร์เหมาะสำหรับคนที่ขายมาพักใหญ่แล้วครับ
ข้อดีคือ
1. ได้รับส่วนลดในการลงสินค้ามากๆ
2. มีหน้าร้านเป็นของตัวเอง ออกแบบ customize ได้ และแน่นอนว่า cross-sell ง่ายขึ้น เนื่องจากคนซื้อจะเห็นสินค้าอื่นๆ ของคุณด้วย ยิ่งเปิดร้านใหญ่ จ่ายค่าธรรมเนียมที่มากขึ้นก็จะเสียค่าลงขายต่อชิ้นถูกลง
เช่น ถ้าคุณไม่เปิดร้าน คุณจะเสียค่าธรรมเนียมการลงขายแบบ fixed price (ราคาตายตัว ไม่ประมูล) 0.50 เหรียญ แต่ถ้าเปิด eBay store แบบ basic คุณจะเสียแค่ 0.20 ต่อชิ้น และ้ถ้าเปิด Anchor Store จะเสียแค่ 0.03 เหรียญเท่านั้น
ทั้งนี้ทั้งนั้น คนขายใหม่ ไม่ควรเปิดครับ เพราะช่วง 3 เดือนแรก (หรือนานกว่านั้น ถ้า performance คุณไม่ดี) อีเบย์จะจำกัดให้คุณลงขายแค่ 10 ชิ้น (หรือมากกว่านิดหน่อย) เปิดไปก็ไม่คุ้ม เสียเงินเปล่าๆ
ลองขายไปสักระยะ ถ้าคุณได้เยอะชิ้นต่อเดือนแล้วค่อยเปิดครับ ..
Question
ศึกษาข้อมูลมาหลายรอบมาก จะตัดสินใจเปิดสโตร์ดีหรือป่าวยังไม่แน่ใจว่า มันได้ข้อดีตรงไหนบ้าง
ค่าธรรมเนียมต่างกันกี่เหรียญ หรือ เราดูแล้วไม่เข้าใจเอง ใครก็ได้ช่่วย แจกออกมาเป็นข้อๆ ได้หรือป่าว
Answer
เปิดอีเบย์สโตร์เหมาะสำหรับคนที่ขายมาพักใหญ่แล้วครับ
ข้อดีคือ
1. ได้รับส่วนลดในการลงสินค้ามากๆ
2. มีหน้าร้านเป็นของตัวเอง ออกแบบ customize ได้ และแน่นอนว่า cross-sell ง่ายขึ้น เนื่องจากคนซื้อจะเห็นสินค้าอื่นๆ ของคุณด้วย ยิ่งเปิดร้านใหญ่ จ่ายค่าธรรมเนียมที่มากขึ้นก็จะเสียค่าลงขายต่อชิ้นถูกลง
เช่น ถ้าคุณไม่เปิดร้าน คุณจะเสียค่าธรรมเนียมการลงขายแบบ fixed price (ราคาตายตัว ไม่ประมูล) 0.50 เหรียญ แต่ถ้าเปิด eBay store แบบ basic คุณจะเสียแค่ 0.20 ต่อชิ้น และ้ถ้าเปิด Anchor Store จะเสียแค่ 0.03 เหรียญเท่านั้น
ทั้งนี้ทั้งนั้น คนขายใหม่ ไม่ควรเปิดครับ เพราะช่วง 3 เดือนแรก (หรือนานกว่านั้น ถ้า performance คุณไม่ดี) อีเบย์จะจำกัดให้คุณลงขายแค่ 10 ชิ้น (หรือมากกว่านิดหน่อย) เปิดไปก็ไม่คุ้ม เสียเงินเปล่าๆ
ลองขายไปสักระยะ ถ้าคุณได้เยอะชิ้นต่อเดือนแล้วค่อยเปิดครับ ..
ลูกค้าบอกสินค้าเราห่วย จะขอเงินคืน ถ้าสู้คดีมีสิทธิชนะไหม
ที่มา Thaiebayuser
Question
ผมขายเสื้อครับ สินค้ามีคุณถาพแน่นอนก่อนส่งก็ตรวจเช็คสินค้าเสมอ ขายมาเป็นสิบตัวและไม่เคยมีปัญหาใดๆทั้งสิ้น
วันนี้เจอลูกค้าบอกว่าได้รับเสื้อแล้ว แต่มาว่าเสื้อผมมันผ้าขี้ริ้วไม่น่าจะเรียกว่าเป็นเสื้อ โห้ย... ขนาดนั้นเลย
ถ้าลูกค้าเปิดเคส อย่างนี้พอจะสู้คดีได้ไหม มีทางแก้อย่างไร
หรือถ้าลูกค้าให้ NEG อย่างนี้จะแก้ได้ไหม
จริงๆถ้าไม่ชอบหรือไม่พอใจสินค้า ผมก็ยินดีคืนเงินให้นะครับ เพราะราคารวมค่าส่งก็ 20กว่าเหรียญเอง
แต่มาว่าสินค้าเรามันผ้าขี้ริ้วเลยแค้น เสียอารมณ์มากๆครับ
Answer
คืนเงินไปเถอะครับ seller เสียเปรียบอยู่แล้วครับ
Answer
คืนเงินครับ แต่ต้องบอกเค้าด้วยว่าถ้าเราคืนเงินแล้ว ช่วยให้ fb+ ด้วยนะ
ถ้าเลือกที่จะสู้คดี เสียเวลา เสียเงิน เสียสุขภาพจิต
เวลาขายสินค้าผมจะบวกความเสี่ยงพวกนี้เข้าไปอยู่แล้ว สินค้าผมจะแพงกว่าชาวบ้านเค้า แต่เราขายแล้วสบายใจ ไม่จุกจิกแน่นอน
Question
ผมขายเสื้อครับ สินค้ามีคุณถาพแน่นอนก่อนส่งก็ตรวจเช็คสินค้าเสมอ ขายมาเป็นสิบตัวและไม่เคยมีปัญหาใดๆทั้งสิ้น
วันนี้เจอลูกค้าบอกว่าได้รับเสื้อแล้ว แต่มาว่าเสื้อผมมันผ้าขี้ริ้วไม่น่าจะเรียกว่าเป็นเสื้อ โห้ย... ขนาดนั้นเลย
ถ้าลูกค้าเปิดเคส อย่างนี้พอจะสู้คดีได้ไหม มีทางแก้อย่างไร
หรือถ้าลูกค้าให้ NEG อย่างนี้จะแก้ได้ไหม
จริงๆถ้าไม่ชอบหรือไม่พอใจสินค้า ผมก็ยินดีคืนเงินให้นะครับ เพราะราคารวมค่าส่งก็ 20กว่าเหรียญเอง
แต่มาว่าสินค้าเรามันผ้าขี้ริ้วเลยแค้น เสียอารมณ์มากๆครับ
Answer
คืนเงินไปเถอะครับ seller เสียเปรียบอยู่แล้วครับ
Answer
คืนเงินครับ แต่ต้องบอกเค้าด้วยว่าถ้าเราคืนเงินแล้ว ช่วยให้ fb+ ด้วยนะ
ถ้าเลือกที่จะสู้คดี เสียเวลา เสียเงิน เสียสุขภาพจิต
เวลาขายสินค้าผมจะบวกความเสี่ยงพวกนี้เข้าไปอยู่แล้ว สินค้าผมจะแพงกว่าชาวบ้านเค้า แต่เราขายแล้วสบายใจ ไม่จุกจิกแน่นอน
เปิดเคส Unpaid strike แต่ทำไมเคสถึงไม่ปิดและอยากแจก Unpaid strike ให้ลูกค้า
ที่มา Thaiebayuser
Question
ผมเปิดเคส unpaid strike ตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน ตอนเปิดเคส ผมอ่านรายละเอียด มันบอกว่าเคสจะปิดเองมั้ง แต่ตอนนี้เคสยังไม่ปิดเลย ถ้าผมกดปิดเคสเอง หมายความว่า ลูกค้าจะได้ unpaid strike หรือเปล่าครับ หรือแค่ปิดเคสไปเฉยๆ แบบว่าอยากให้ unpaid strike ลูกค้าคนนี้มาก กลัวกดปิดเคสไป แล้วมันกลายเป็นปิดเคสเฉยๆ
Answer
ต้องกดปิดเอง เขาจะถามเราได้เงินไหมตอบว่าไม่ จบ คนซื้อก็งานเข้าแล้ว
Question
ผมเปิดเคส unpaid strike ตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน ตอนเปิดเคส ผมอ่านรายละเอียด มันบอกว่าเคสจะปิดเองมั้ง แต่ตอนนี้เคสยังไม่ปิดเลย ถ้าผมกดปิดเคสเอง หมายความว่า ลูกค้าจะได้ unpaid strike หรือเปล่าครับ หรือแค่ปิดเคสไปเฉยๆ แบบว่าอยากให้ unpaid strike ลูกค้าคนนี้มาก กลัวกดปิดเคสไป แล้วมันกลายเป็นปิดเคสเฉยๆ
Answer
ต้องกดปิดเอง เขาจะถามเราได้เงินไหมตอบว่าไม่ จบ คนซื้อก็งานเข้าแล้ว
14 มิถุนายน 2554
ระวังด้านมืด“อีเบย์”
ที่มา pawoot
หลังจากมีหนังสือพอคเก็ตบุ๊คหลายเล่ม เขียนข้อดีและด้านสว่างของอีเบย์ออกมาหลายเล่ม โดยระบุสรรพคุณตั้งแต่หน้าปกเลยว่า จะร่ำรวยเงินทองถ้าได้ค้าขายผ่านอีเบย์..เวบไซต์ขายของชื่อดังของโลก กระทั่งงานไอที “คอมเวิลด์” ก็ยังโปรโมทให้คนไทยไปประมูลโน้ตบุ๊คเลอโนโวรุ่นลายเซ็น “โรนัลดินโญ” ผ่านอีเบย์
วันนี้ผมขออาสาพาไปดูอีกด้านหนึ่งซึ่งยังไม่มีใครพูดถึง เป็นด้านที่มืด หรือแสงสลัว ที่อยากให้ภาครัฐ กระทรวงไอซีที และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปศึกษาและหาทางคุ้มครองผู้ซื้อผู้ขายของคนไทยด้วย
ก่อนอื่น ผมต้องขอออกตัวก่อนว่า อีเบย์ “ยังเป็นอาวุธ” สำหรับเราๆ ท่านๆ หรือผู้ค้า “รายย่อย” ที่ต้องการทำการค้ากับต่างประเทศที่ดีที่สุดครับ
อีเบย์ คือเวบไซต์ขายของระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีเอกลักษณ์ที่สำคัญก็คือ เป็นการค้าขายผ่านกลไกการ “ประมูล” ทำให้ได้ลุ้น และได้สินค้าราคาพิเศษ นอกจากนี้ ยังเป็นตลาดที่มีผู้ซื้อผู้ขายจำนวนมาก ทำให้ตลาดนี้มีความคึกคักสูง มีการซื้อขายสินค้าและบริการแปลกๆ ที่หาไม่ได้จากที่อื่น อาทิเช่น ขายที่ดินบนดวงจันทร์ หรือประกาศขอซื้อผมของบริทนีย์ สเปียร์ ดาราสาวอื้อฉาวแห่งยุค เป็นต้น
เปรียบไปแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรไปกับ “สวนจตุจักรออนไลน์” บวก “เปิดท้ายขายของ” โดยมีผู้ค้ารายย่อย หรือรายใหญ่ ซื้อขายผ่านเวบไซต์นี้กันวันละหลายๆ ล้านชิ้นต่อวัน ทำให้คนธรรมดาสามัญชนสามารถทำธุรกิจข้ามชาติได้โดยไม่ต้องเปิดแอลซีกับแบงก์ ไม่ต้องยุ่งเรื่องชิปปิ้งและศุลกากร ไม่ต้องมีบริษัทขนาดใหญ่ ไม่ต้องมีลูกน้องมากมาย แค่คนเดียว ก็สามารถทำการค้าขายกับต่างชาติได้แล้ว
โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าอีเบย์เหมาะกับคนไทยเป็นอย่างมาก ช่วยให้คนไทยขายสินค้าแข่งกับทั่วโลกได้ ขายแข่งสู้กับ “สิงคโปร์” ได้ ทั้งนี้ ดังที่ทราบว่าคนสิงคโปร์เก่งกว่าคนไทยก็เฉพาะเรื่องภาษาอังกฤษ ความใจกล้า กล้าค้ากล้าขาย ในขณะที่ไทย อ่อนเรื่องพูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง แต่อ่านและเขียนภาษาอังกฤษได้บ้าง แต่ด้วยกลไก “ประมูลขายของแบบอัตโนมัติ” ทำให้คนไทย “ลดการพูดภาษาอังกฤษ” และลดภาวะการ “พูดต่อรองราคาด้วยภาษาอังกฤษ” ลงไปได้
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมสถิติการค้าบนอีเบย์ พบว่า “คนไทยขายของเก่งกว่าสิงคโปร์” โดยมีมูลค่ารวมของสินค้าและความหลากหลายของสินค้ามากกว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องน่ายินดี และน่าเก็บมาส่งเสริมสำหรับภาครัฐและภาคเอกชนต่างๆ
อย่างไรก็ตาม อีเบย์ก็ยังมีด้านมืด ซึ่งผมคิดว่าหลายคนต้องระวัง และต้องไม่หลงเชื่อว่า อีเบย์จะเป็นโลกใสสะอาด ไม่มีคนชั่ว หรือคนโกงอยู่
อนึ่ง โมเดลธุรกิจของอีเบย์ จะเป็นธุรกิจที่ให้บริการ “พื้นที่หน้าร้านอิเล็กทรอนิกส์” เพื่อให้คนค้นหาและซื้อขายสินค้า โดยอีเบย์ทำตัวเป็นคนกลาง ได้เงินผ่านระบบค่าคอมมิชชั่นผ่านการซื้อขาย ค่าโฆษณาขายสินค้า ค่าธรรมเนียม และค่าผ่านเงิน (เพย์เพาล์-Paypal.com) รวมแล้วกินเงินหลายต่อ
ดังนั้น จุดแรกที่คนไทยต้องระวังก็คือ ค่าธรรมเนียม ค่าบริการ และค่าคอมมิชชั่นต่างๆ ที่รวมแล้ว อาจจะทำให้คนไทยขายของขาดทุน ซึ่งเรื่องนี้ เป็นเรื่องแรกที่อยากให้ระวังไว้ เพราะมีตัวอย่างแล้ว ที่คนไทยนำเงินมาเปิดหน้าร้านบนอีเบย์หลายแสนบาทตามคำแนะนำของหนังสือพอคเก็ ตบุ๊ค เพียงไม่กี่เดือน ก็ขาดทุนจนหมดเนื้อหมดตัวไป “อย่าขายสินค้าแบบไม่มีกลยุทธ์ เพราะคุณอาจจะหมดตัวได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งกว่าความเร็วบนโลกอินเทอร์เน็ตเสียอีก”
เรื่องที่สอง ประเด็นการคุ้มครองผู้ซื้อ แต่ไม่คุ้มครองผู้ขาย โดยเฉพาะผู้ขายที่ไม่ใช่คนอเมริกัน เรื่องนี้ทำให้คนไทยเสียเปรียบและถูกโกงได้ง่ายครับ
กล่าวคือ เนื่องจากอีเบย์เกิดขึ้นที่อเมริกา ดังนั้น ปรัชญาและบริการของอีเบย์ จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญของอเมริกา การคุ้มครองและการดูแล จึงให้บริการคนอเมริกันมากกว่าคนชาติอื่น ถ้ามีการโกงเกิดขึ้น ให้สมมติว่าคนซื้อถูกต้องไว้ก่อน ส่วนคนขาย โดยเฉพาะคนไทย น่าจะเป็นคนโกง เป็นคนที่มีปัญหา (หรือว่าเครดิตประเทศเราเป็นแบบนี้ ?)
ตัวอย่างที่พบแล้วเช่น คนไทยส่งงานศิลปะไปขายที่อเมริกา ตอนแรกคนอเมริกันก็ยินดีจ่ายเงิน แต่พอรับสินค้าไป ก็ปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยอ้างว่าสินค้าไม่ตรงกับที่โฆษณา มีน้ำหนักเบากว่าที่โฆษณา (คนไทยเวลาบอกน้ำหนักสินค้า มักจะรวมน้ำหนักหีบห่อไปด้วย)
ประเด็นที่สำคัญก็คือ สินค้าก็ไม่ส่งคืน ยึดไปเลยดื้อๆ เงินก็ไม่จ่าย ! ซึ่งคนไทยแม้ว่าจะประท้วงไปที่อีเบย์แล้ว ก็ไม่ได้ผล โดยทางอีเบย์บอกว่า ต้องไปแจ้งความที่ “ศาลโลก” แทน ! แล้วใครหน้าไหนจะไปพูดภาษาอังกฤษแจ้งฟ้องกับเมืองนอก ยิ่งไปกว่านั้น ค่าทนายค่าศาล จะคุ้มไหม ? เอาเป็นว่าให้อเมริกันหลอกไปฟรีๆ ดีกว่า
เรื่องนี้จึงรู้ซึ้งถึงธรรมชาติที่ว่า ทุกชาติย่อมร่างกฎหมายเพื่อประโยชน์ของคนในชาติตัวเอง อเมริกาก็เช่นกัน “กฎหมายอเมริกัน” มีไว้เพื่อความยุติธรรมสำหรับ “คนในชาติเขา” ไม่ใช่สำหรับนอกประเทศ ดังนั้นการถูกเอารัดเอาเปรียบ เป็นเรื่องที่เราคนไทยต้องระวังตัวกันเอง
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องคนโกงจากไนจีเรีย อ้างว่าสนใจซื้อสินค้าจำนวนมาก แต่อยากให้เราโอนเงินไปเข้าธนาคารก่อน ซื้อขายเสร็จแล้วเดี๋ยวส่งเงินคืน นัยว่าเพื่อเช็คเครดิตเรา จากนั้นก็เชิดเงินไปเลย ยังมีเรื่องขายสินค้าแล้วอีเบย์ระงับไม่จ่ายเงินให้เรา ต้องสอบสวนก่อนว่าทำไมเราได้เงินมากมายในระยะเวลาอันสั้น ทำไมขายสินค้าได้มาก หรือสงสัยว่าเราขายสินค้าปลอม ฯลฯ
อีเบย์ก็ตาม หรือลูกค้าต่างประเทศก็ตาม จะมีการโทรศัพท์ หรืออีเมลมาสอบถามเราได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ถ้ามีข้อสงสัยต่างๆ (สรุปว่า ยังไงเราก็ต้องพูดภาษาอังกฤษได้ระดับหนึ่ง โดยมีคนแนะนำว่าให้พูดโดยใช้คีย์เวิร์ด ไม่ต้องตอบเป็นภาษาอังกฤษหรูๆ เป็นโคลงกลอนก็ได้)
บางที ถ้าเราสื่อสารกับอีเบย์ไม่รู้เรื่อง เงินที่เราควรจะได้ ก็อาจจะถูกดองไว้กว่าครึ่งปี นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการส่งของ เคลมของคืน การติดตามสินค้าที่ส่งโดยไปรษณีย์ที่ล่าช้า ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เงินทุนและรายได้ของผู้ค้ารายย่อยหมดไป ทำธุรกิจต่อไม่ได้ และนี่คือปัญหาและภัยมืดบางด้านที่ผมขอยกตัวอย่างมา ณ ที่นี้
โดยสรุปแล้ว ผมคิดว่า “ธุรกิจคือความเสี่ยง” ไม่ว่าคุณจะค้าขายที่จตุจักร หรืออีเบย์ ล้วนแล้วแต่มีความเสี่ยง อย่าได้คิดดี มองโลกดีว่า ถ้าเป็นเวบไซต์ระดับโลกอย่างอีเบย์แล้ว ทุกอย่างจะโสภา ตรงกันข้าม คุณกำลังทำธุรกิจกับคนร้ายระหว่างประเทศต่างหาก !
สุดท้ายนี้ จึงอยากเร่งให้ภาครัฐ จัดอบรมให้ความรู้กับคนไทยที่อยากค้าขายบนอีเบย์ ให้รู้ถึงโอกาสและภัยที่อาจเกิดขึ้นได้จากเวบไซต์นี้ นอกจากนี้ อยากให้รัฐฯ เร่งเจรจากับอีเบย์ เพื่อคุ้มครองผู้ซื้อ-ผู้ขายของคนไทย ให้ได้รับสิทธิที่เสมอภาค
ข้อมูลจากhttp://www.bangkokbizweek.com/20070301/ibiz/index.php?news=column_22900475.html
หลังจากมีหนังสือพอคเก็ตบุ๊คหลายเล่ม เขียนข้อดีและด้านสว่างของอีเบย์ออกมาหลายเล่ม โดยระบุสรรพคุณตั้งแต่หน้าปกเลยว่า จะร่ำรวยเงินทองถ้าได้ค้าขายผ่านอีเบย์..เวบไซต์ขายของชื่อดังของโลก กระทั่งงานไอที “คอมเวิลด์” ก็ยังโปรโมทให้คนไทยไปประมูลโน้ตบุ๊คเลอโนโวรุ่นลายเซ็น “โรนัลดินโญ” ผ่านอีเบย์
วันนี้ผมขออาสาพาไปดูอีกด้านหนึ่งซึ่งยังไม่มีใครพูดถึง เป็นด้านที่มืด หรือแสงสลัว ที่อยากให้ภาครัฐ กระทรวงไอซีที และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปศึกษาและหาทางคุ้มครองผู้ซื้อผู้ขายของคนไทยด้วย
ก่อนอื่น ผมต้องขอออกตัวก่อนว่า อีเบย์ “ยังเป็นอาวุธ” สำหรับเราๆ ท่านๆ หรือผู้ค้า “รายย่อย” ที่ต้องการทำการค้ากับต่างประเทศที่ดีที่สุดครับ
อีเบย์ คือเวบไซต์ขายของระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีเอกลักษณ์ที่สำคัญก็คือ เป็นการค้าขายผ่านกลไกการ “ประมูล” ทำให้ได้ลุ้น และได้สินค้าราคาพิเศษ นอกจากนี้ ยังเป็นตลาดที่มีผู้ซื้อผู้ขายจำนวนมาก ทำให้ตลาดนี้มีความคึกคักสูง มีการซื้อขายสินค้าและบริการแปลกๆ ที่หาไม่ได้จากที่อื่น อาทิเช่น ขายที่ดินบนดวงจันทร์ หรือประกาศขอซื้อผมของบริทนีย์ สเปียร์ ดาราสาวอื้อฉาวแห่งยุค เป็นต้น
เปรียบไปแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรไปกับ “สวนจตุจักรออนไลน์” บวก “เปิดท้ายขายของ” โดยมีผู้ค้ารายย่อย หรือรายใหญ่ ซื้อขายผ่านเวบไซต์นี้กันวันละหลายๆ ล้านชิ้นต่อวัน ทำให้คนธรรมดาสามัญชนสามารถทำธุรกิจข้ามชาติได้โดยไม่ต้องเปิดแอลซีกับแบงก์ ไม่ต้องยุ่งเรื่องชิปปิ้งและศุลกากร ไม่ต้องมีบริษัทขนาดใหญ่ ไม่ต้องมีลูกน้องมากมาย แค่คนเดียว ก็สามารถทำการค้าขายกับต่างชาติได้แล้ว
โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าอีเบย์เหมาะกับคนไทยเป็นอย่างมาก ช่วยให้คนไทยขายสินค้าแข่งกับทั่วโลกได้ ขายแข่งสู้กับ “สิงคโปร์” ได้ ทั้งนี้ ดังที่ทราบว่าคนสิงคโปร์เก่งกว่าคนไทยก็เฉพาะเรื่องภาษาอังกฤษ ความใจกล้า กล้าค้ากล้าขาย ในขณะที่ไทย อ่อนเรื่องพูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง แต่อ่านและเขียนภาษาอังกฤษได้บ้าง แต่ด้วยกลไก “ประมูลขายของแบบอัตโนมัติ” ทำให้คนไทย “ลดการพูดภาษาอังกฤษ” และลดภาวะการ “พูดต่อรองราคาด้วยภาษาอังกฤษ” ลงไปได้
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมสถิติการค้าบนอีเบย์ พบว่า “คนไทยขายของเก่งกว่าสิงคโปร์” โดยมีมูลค่ารวมของสินค้าและความหลากหลายของสินค้ามากกว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องน่ายินดี และน่าเก็บมาส่งเสริมสำหรับภาครัฐและภาคเอกชนต่างๆ
อย่างไรก็ตาม อีเบย์ก็ยังมีด้านมืด ซึ่งผมคิดว่าหลายคนต้องระวัง และต้องไม่หลงเชื่อว่า อีเบย์จะเป็นโลกใสสะอาด ไม่มีคนชั่ว หรือคนโกงอยู่
อนึ่ง โมเดลธุรกิจของอีเบย์ จะเป็นธุรกิจที่ให้บริการ “พื้นที่หน้าร้านอิเล็กทรอนิกส์” เพื่อให้คนค้นหาและซื้อขายสินค้า โดยอีเบย์ทำตัวเป็นคนกลาง ได้เงินผ่านระบบค่าคอมมิชชั่นผ่านการซื้อขาย ค่าโฆษณาขายสินค้า ค่าธรรมเนียม และค่าผ่านเงิน (เพย์เพาล์-Paypal.com) รวมแล้วกินเงินหลายต่อ
ดังนั้น จุดแรกที่คนไทยต้องระวังก็คือ ค่าธรรมเนียม ค่าบริการ และค่าคอมมิชชั่นต่างๆ ที่รวมแล้ว อาจจะทำให้คนไทยขายของขาดทุน ซึ่งเรื่องนี้ เป็นเรื่องแรกที่อยากให้ระวังไว้ เพราะมีตัวอย่างแล้ว ที่คนไทยนำเงินมาเปิดหน้าร้านบนอีเบย์หลายแสนบาทตามคำแนะนำของหนังสือพอคเก็ ตบุ๊ค เพียงไม่กี่เดือน ก็ขาดทุนจนหมดเนื้อหมดตัวไป “อย่าขายสินค้าแบบไม่มีกลยุทธ์ เพราะคุณอาจจะหมดตัวได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งกว่าความเร็วบนโลกอินเทอร์เน็ตเสียอีก”
เรื่องที่สอง ประเด็นการคุ้มครองผู้ซื้อ แต่ไม่คุ้มครองผู้ขาย โดยเฉพาะผู้ขายที่ไม่ใช่คนอเมริกัน เรื่องนี้ทำให้คนไทยเสียเปรียบและถูกโกงได้ง่ายครับ
กล่าวคือ เนื่องจากอีเบย์เกิดขึ้นที่อเมริกา ดังนั้น ปรัชญาและบริการของอีเบย์ จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญของอเมริกา การคุ้มครองและการดูแล จึงให้บริการคนอเมริกันมากกว่าคนชาติอื่น ถ้ามีการโกงเกิดขึ้น ให้สมมติว่าคนซื้อถูกต้องไว้ก่อน ส่วนคนขาย โดยเฉพาะคนไทย น่าจะเป็นคนโกง เป็นคนที่มีปัญหา (หรือว่าเครดิตประเทศเราเป็นแบบนี้ ?)
ตัวอย่างที่พบแล้วเช่น คนไทยส่งงานศิลปะไปขายที่อเมริกา ตอนแรกคนอเมริกันก็ยินดีจ่ายเงิน แต่พอรับสินค้าไป ก็ปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยอ้างว่าสินค้าไม่ตรงกับที่โฆษณา มีน้ำหนักเบากว่าที่โฆษณา (คนไทยเวลาบอกน้ำหนักสินค้า มักจะรวมน้ำหนักหีบห่อไปด้วย)
ประเด็นที่สำคัญก็คือ สินค้าก็ไม่ส่งคืน ยึดไปเลยดื้อๆ เงินก็ไม่จ่าย ! ซึ่งคนไทยแม้ว่าจะประท้วงไปที่อีเบย์แล้ว ก็ไม่ได้ผล โดยทางอีเบย์บอกว่า ต้องไปแจ้งความที่ “ศาลโลก” แทน ! แล้วใครหน้าไหนจะไปพูดภาษาอังกฤษแจ้งฟ้องกับเมืองนอก ยิ่งไปกว่านั้น ค่าทนายค่าศาล จะคุ้มไหม ? เอาเป็นว่าให้อเมริกันหลอกไปฟรีๆ ดีกว่า
เรื่องนี้จึงรู้ซึ้งถึงธรรมชาติที่ว่า ทุกชาติย่อมร่างกฎหมายเพื่อประโยชน์ของคนในชาติตัวเอง อเมริกาก็เช่นกัน “กฎหมายอเมริกัน” มีไว้เพื่อความยุติธรรมสำหรับ “คนในชาติเขา” ไม่ใช่สำหรับนอกประเทศ ดังนั้นการถูกเอารัดเอาเปรียบ เป็นเรื่องที่เราคนไทยต้องระวังตัวกันเอง
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องคนโกงจากไนจีเรีย อ้างว่าสนใจซื้อสินค้าจำนวนมาก แต่อยากให้เราโอนเงินไปเข้าธนาคารก่อน ซื้อขายเสร็จแล้วเดี๋ยวส่งเงินคืน นัยว่าเพื่อเช็คเครดิตเรา จากนั้นก็เชิดเงินไปเลย ยังมีเรื่องขายสินค้าแล้วอีเบย์ระงับไม่จ่ายเงินให้เรา ต้องสอบสวนก่อนว่าทำไมเราได้เงินมากมายในระยะเวลาอันสั้น ทำไมขายสินค้าได้มาก หรือสงสัยว่าเราขายสินค้าปลอม ฯลฯ
อีเบย์ก็ตาม หรือลูกค้าต่างประเทศก็ตาม จะมีการโทรศัพท์ หรืออีเมลมาสอบถามเราได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ถ้ามีข้อสงสัยต่างๆ (สรุปว่า ยังไงเราก็ต้องพูดภาษาอังกฤษได้ระดับหนึ่ง โดยมีคนแนะนำว่าให้พูดโดยใช้คีย์เวิร์ด ไม่ต้องตอบเป็นภาษาอังกฤษหรูๆ เป็นโคลงกลอนก็ได้)
บางที ถ้าเราสื่อสารกับอีเบย์ไม่รู้เรื่อง เงินที่เราควรจะได้ ก็อาจจะถูกดองไว้กว่าครึ่งปี นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการส่งของ เคลมของคืน การติดตามสินค้าที่ส่งโดยไปรษณีย์ที่ล่าช้า ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เงินทุนและรายได้ของผู้ค้ารายย่อยหมดไป ทำธุรกิจต่อไม่ได้ และนี่คือปัญหาและภัยมืดบางด้านที่ผมขอยกตัวอย่างมา ณ ที่นี้
โดยสรุปแล้ว ผมคิดว่า “ธุรกิจคือความเสี่ยง” ไม่ว่าคุณจะค้าขายที่จตุจักร หรืออีเบย์ ล้วนแล้วแต่มีความเสี่ยง อย่าได้คิดดี มองโลกดีว่า ถ้าเป็นเวบไซต์ระดับโลกอย่างอีเบย์แล้ว ทุกอย่างจะโสภา ตรงกันข้าม คุณกำลังทำธุรกิจกับคนร้ายระหว่างประเทศต่างหาก !
สุดท้ายนี้ จึงอยากเร่งให้ภาครัฐ จัดอบรมให้ความรู้กับคนไทยที่อยากค้าขายบนอีเบย์ ให้รู้ถึงโอกาสและภัยที่อาจเกิดขึ้นได้จากเวบไซต์นี้ นอกจากนี้ อยากให้รัฐฯ เร่งเจรจากับอีเบย์ เพื่อคุ้มครองผู้ซื้อ-ผู้ขายของคนไทย ให้ได้รับสิทธิที่เสมอภาค
ข้อมูลจากhttp://www.bangkokbizweek.com/20070301/ibiz/index.php?news=column_22900475.html
สอบถามข้อความแจ้งเตือน หลังจากได้รับ Low DSR
ที่มา Thaiebayuser , ebay.co.th
Question
เมือคืนโดนราหู อม เปิดเช็ค Dash Board ปรากฎ เจอฝรั่งเกรียน ให้ Low DSR มาเพิ่มอีก 1 คน
ทำให้ตอนนี้เริ่มกังวลกับคะแนน เลยมีเรื่องจะรบกวนสอบถาม กูรู
ภาพข้างบน ผมสงสัยคำเตือน " Status: At risk for 06/20/11 " นั้นหมายความว่า ในวันที่ 20 นี้ ผมจะถูกลดระดับ
เป็นบุคคล ธรรมดาใช่หรือป่าวครับ
ข้อถามเพิ่มเติม เป็นข้อ ๆๆ ดังนี้
1. ในหน้า Seller dashboard มีข้อความเตือน ว่า " Status: At risk for 06/20/11" นั้นหมายความว่า สถานะ Top Rate Seller มีการสุ่มเสี่ยง ที่จะถูกลดระดับ
ในวัน ที่ 20 -06-11 .ใช่ไหมครับ
2. หากในกรณี เบื้องต้น ตาม ข้อ 1 ผมมีวิธีแก้ไข อย่างไร ได้บ้าง เพื่อจะคงสถานะให้เป็น Top Rate Seller เหมือนเดิม
3.การนับ เปอร์เซ็นต์ ของ Low DSR จะนับคะแนน จากรายปี หรือ 3 เดือนย้อนหลัง ครับ
4.จากคะแนน DSR ของผมที่ปรากฏ อยู่ในเกณท์ สุ่มเสี่ยง ที่จะโดนระงับ LImit หรือไม่ครับ
xประเด็นท้ายสุด ผมส่ง อีเมล์ หาทีม อีเบย์ไทย เดี๋ยวนี้ ไม่เคยตอบกลับเลย ครับ ไม่ทราบว่ามีช่องทางอื่นติดต่อได้อีกไหม
ขอบคุณครับ
Answer
การนับ เปอร์เซ็นต์ ของ Low DSR จะนับคะแนน จาก 3 เดือนย้อนหลัง ค่ะ
ไม่นานนี้คาดว่าจะได้ shipping time Low DSR มาอีกแน่ๆ หาทางแก้ไขเพราะอะไร โดนมา3แล้ว
top-rated โดนปลดอยู่แล้วไม่กี่วันนี้ และไม่เกินเดือนโดนระงับ ชัวจะทำไรก็รีบๆทำ
ลูกค้าที่ยังไม่ให้ฟิดแบครีบเมลไปบอกอย่าให้ shipping time Low DSR มากอีกได้มาอีก 1-2ละจบเลยเปิดใหม่
Answer
อาจจะไม่ถึงระงับหรอก ผมก็เคยโดน โทษที่ผมโดนคือห้ามลงขายอยู่เกือบ2เดือน หรือลิมิตนั่นเอง แต่โชคดีที่ผมลง listing ไว้จำนวนมาก เลยขายกินไป2เดือน
ลง เพิ่มไม่ได้ พอพ้นโทษก็กลับมาขายโดยไม่มีลิมิตต่อ ระยะเวลาที่จะโดนลิมิตนั้นขึ้นอยู่กับ dsr ของคุณเองว่ามันหลุดจากขั้นต่ำที่เค้ากำหนดไว้หรือไม่
Answer
เข้ามาตอบเรื่องการนับ
ถ้าหากใน 3 เดือน มี transaction มากกว่า 400 คิดจาก 3 เดือน
ถ้าน้อยกว่านั้น คิดจาก 12 เดือนครับ
Answer
1. ในหน้า Seller dashboard มีข้อความเตือน ว่า " Status: At risk for 06/20/11" นั้นหมายความว่า สถานะ Top Rate Seller มีการสุ่มเสี่ยง ที่จะถูกลดระดับ
ในวัน ที่ 20 -06-11 .ใช่ไหมครับ
ใช่แล้วค่ะ .. เขาจะมีการประเมินอยู่เรื่อยๆ รอบวันที่ 20 เดือน 6 นี่ ถ้าหากคุณไม่มีคะแนน DSR ดีๆ มาช่วยดึง ก็อาจจะตกจาก Top-rated ค่ะ
2. หากในกรณี เบื้องต้น ตาม ข้อ 1 ผมมีวิธีแก้ไข อย่างไร ได้บ้าง เพื่อจะคงสถานะให้เป็น Top Rate Seller เหมือนเดิม
อย่างที่บอก ว่าต้องมีคะแนน DSR ดีๆ มาช่วยดึง แต่ถ้าหากรอบนี้คุณตก รอบหน้าคุณไ้ด้ DSR ดีๆมา คุณก็จะได้กลับไปเป็น top rate เหมือนเดิมค่ะ
3.การนับ เปอร์เซ็นต์ ของ Low DSR จะนับคะแนน จากรายปี หรือ 3 เดือนย้อนหลัง ครับ
ถ้าใน 3 เดือนนี้ คุณขายไปได้เกิน 400 รายการ เขาจะนับ 3 เดือนค่ะ แต่ถ้าไม่ถึง จะนับจาก 12 เดือน
4.จากคะแนน DSR ของผมที่ปรากฏ อยู่ในเกณท์ สุ่มเสี่ยง ที่จะโดนระงับ LImit หรือไม่ครับ
ไม่เกี่ยวค่ะ แต่ต้องดูประเด็นอื่น เช่น BBE (หมายถึงคุณได้ negative feedback เยอะๆ หรือขายสินค้าในกลุ่มเสี่ยง) อันนั้นอาจทำให้โดน limit
ประเด็นเรื่องอีเบย์ไทย เท่าที่ได้คุยกับน้องๆทีมงานเมื่อสัมมนาคราวก่อน ทราบว่าทางทีมงาน Customer Service ที่ประจำอยู่ต่างประเทศ ขอร้องให้มีการติดต่อช่องทางเดียว คือทาง Customer Service เท่านั้น เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นไปในทางเดียวกัน ดังนั้น คุณจะสามารถติดต่ออีเบย์ ผ่าน email เช่น ตรง "ติดต่ออีเบย์" ที่มุมบนของหน้านี้ หรือ live chat
อีกอย่าง คุณเป็น top rate seller ก็ถือเป้น PowerSeller ด้วย ถ้าโทรไป powerseller hotline จะเจอเจ้าหน้าที่ที่พูดภาษาไทยค่ะ
Question
เมือคืนโดนราหู อม เปิดเช็ค Dash Board ปรากฎ เจอฝรั่งเกรียน ให้ Low DSR มาเพิ่มอีก 1 คน
ทำให้ตอนนี้เริ่มกังวลกับคะแนน เลยมีเรื่องจะรบกวนสอบถาม กูรู
ภาพข้างบน ผมสงสัยคำเตือน " Status: At risk for 06/20/11 " นั้นหมายความว่า ในวันที่ 20 นี้ ผมจะถูกลดระดับ
เป็นบุคคล ธรรมดาใช่หรือป่าวครับ
ข้อถามเพิ่มเติม เป็นข้อ ๆๆ ดังนี้
1. ในหน้า Seller dashboard มีข้อความเตือน ว่า " Status: At risk for 06/20/11" นั้นหมายความว่า สถานะ Top Rate Seller มีการสุ่มเสี่ยง ที่จะถูกลดระดับ
ในวัน ที่ 20 -06-11 .ใช่ไหมครับ
2. หากในกรณี เบื้องต้น ตาม ข้อ 1 ผมมีวิธีแก้ไข อย่างไร ได้บ้าง เพื่อจะคงสถานะให้เป็น Top Rate Seller เหมือนเดิม
3.การนับ เปอร์เซ็นต์ ของ Low DSR จะนับคะแนน จากรายปี หรือ 3 เดือนย้อนหลัง ครับ
4.จากคะแนน DSR ของผมที่ปรากฏ อยู่ในเกณท์ สุ่มเสี่ยง ที่จะโดนระงับ LImit หรือไม่ครับ
xประเด็นท้ายสุด ผมส่ง อีเมล์ หาทีม อีเบย์ไทย เดี๋ยวนี้ ไม่เคยตอบกลับเลย ครับ ไม่ทราบว่ามีช่องทางอื่นติดต่อได้อีกไหม
ขอบคุณครับ
Answer
การนับ เปอร์เซ็นต์ ของ Low DSR จะนับคะแนน จาก 3 เดือนย้อนหลัง ค่ะ
ไม่นานนี้คาดว่าจะได้ shipping time Low DSR มาอีกแน่ๆ หาทางแก้ไขเพราะอะไร โดนมา3แล้ว
top-rated โดนปลดอยู่แล้วไม่กี่วันนี้ และไม่เกินเดือนโดนระงับ ชัวจะทำไรก็รีบๆทำ
ลูกค้าที่ยังไม่ให้ฟิดแบครีบเมลไปบอกอย่าให้ shipping time Low DSR มากอีกได้มาอีก 1-2ละจบเลยเปิดใหม่
Answer
อาจจะไม่ถึงระงับหรอก ผมก็เคยโดน โทษที่ผมโดนคือห้ามลงขายอยู่เกือบ2เดือน หรือลิมิตนั่นเอง แต่โชคดีที่ผมลง listing ไว้จำนวนมาก เลยขายกินไป2เดือน
ลง เพิ่มไม่ได้ พอพ้นโทษก็กลับมาขายโดยไม่มีลิมิตต่อ ระยะเวลาที่จะโดนลิมิตนั้นขึ้นอยู่กับ dsr ของคุณเองว่ามันหลุดจากขั้นต่ำที่เค้ากำหนดไว้หรือไม่
Answer
เข้ามาตอบเรื่องการนับ
ถ้าหากใน 3 เดือน มี transaction มากกว่า 400 คิดจาก 3 เดือน
ถ้าน้อยกว่านั้น คิดจาก 12 เดือนครับ
Answer
1. ในหน้า Seller dashboard มีข้อความเตือน ว่า " Status: At risk for 06/20/11" นั้นหมายความว่า สถานะ Top Rate Seller มีการสุ่มเสี่ยง ที่จะถูกลดระดับ
ในวัน ที่ 20 -06-11 .ใช่ไหมครับ
ใช่แล้วค่ะ .. เขาจะมีการประเมินอยู่เรื่อยๆ รอบวันที่ 20 เดือน 6 นี่ ถ้าหากคุณไม่มีคะแนน DSR ดีๆ มาช่วยดึง ก็อาจจะตกจาก Top-rated ค่ะ
2. หากในกรณี เบื้องต้น ตาม ข้อ 1 ผมมีวิธีแก้ไข อย่างไร ได้บ้าง เพื่อจะคงสถานะให้เป็น Top Rate Seller เหมือนเดิม
อย่างที่บอก ว่าต้องมีคะแนน DSR ดีๆ มาช่วยดึง แต่ถ้าหากรอบนี้คุณตก รอบหน้าคุณไ้ด้ DSR ดีๆมา คุณก็จะได้กลับไปเป็น top rate เหมือนเดิมค่ะ
3.การนับ เปอร์เซ็นต์ ของ Low DSR จะนับคะแนน จากรายปี หรือ 3 เดือนย้อนหลัง ครับ
ถ้าใน 3 เดือนนี้ คุณขายไปได้เกิน 400 รายการ เขาจะนับ 3 เดือนค่ะ แต่ถ้าไม่ถึง จะนับจาก 12 เดือน
4.จากคะแนน DSR ของผมที่ปรากฏ อยู่ในเกณท์ สุ่มเสี่ยง ที่จะโดนระงับ LImit หรือไม่ครับ
ไม่เกี่ยวค่ะ แต่ต้องดูประเด็นอื่น เช่น BBE (หมายถึงคุณได้ negative feedback เยอะๆ หรือขายสินค้าในกลุ่มเสี่ยง) อันนั้นอาจทำให้โดน limit
ประเด็นเรื่องอีเบย์ไทย เท่าที่ได้คุยกับน้องๆทีมงานเมื่อสัมมนาคราวก่อน ทราบว่าทางทีมงาน Customer Service ที่ประจำอยู่ต่างประเทศ ขอร้องให้มีการติดต่อช่องทางเดียว คือทาง Customer Service เท่านั้น เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นไปในทางเดียวกัน ดังนั้น คุณจะสามารถติดต่ออีเบย์ ผ่าน email เช่น ตรง "ติดต่ออีเบย์" ที่มุมบนของหน้านี้ หรือ live chat
อีกอย่าง คุณเป็น top rate seller ก็ถือเป้น PowerSeller ด้วย ถ้าโทรไป powerseller hotline จะเจอเจ้าหน้าที่ที่พูดภาษาไทยค่ะ
แก้ปัญหาโดนแขวนหน้าร้านแบบที่เจอมาค่ะ
ที่มา Thaiebayuser
เปิดร้านในอีเบย์ได้ไม่นานมีปัญหาโดนแขวนแบบไม่รู้เรื่องว่าผิดอะไรลองแก้ไขอย่างนี้ก่อนนะะ.ให้เข้าไปที่เว็บ http://export.ebay.co.th/contact/ แล้วคลิกเลือกประเทศที่ต้องการติดต่อใต้ไอคอนคำว่า Email Customer Support (แนะนำ)เป็นประเทศสิงคโปร จะติดต่อได้รวดเร็วค่ะดำเนินงานเร็วไม่ต้องรอหลายวันต่อกันค่ะ หลังจากเลือกประเทศที่ต้องการติดต่อแล้วให้คลิ๊กไอคอนที่มีหัวข้อกลมๆคำว่า Suspension
พอเข้าไปจะมีหัวข้อแยก 2 สเต็ป อันแรกให้เลือก Suspension Notices หลังจากนั้น ก็Ask about your blocked or suspended account หลังจากนั้นก็พิมม์ข้อความที่เกี่ยวกับเรื่องเว็บที่เราโดนแขวนค่ะ อย่า!ลืมอีเมลติดต่อกลับด้วยนะคะ แล้วก็รออีก 1วันก็จะมีข้อความที่เมลเราค่ะว่าขอเอกสารให้ทางอีเบย์ด้วยข้อความนี้จะ ขึ้น2ที่ค่ะคือเมลที่เราให้ไว้กลับเมลในอีเบย์ค่ะ ที่นี้การเตรียมเอกสารของเราค่ะ สำหรับคนที่ใช่paypal เป็นบัตรเครดิต
1.สำเนาบัตรประชาชนถ่ายเอกสารหน้าหลัง1แผ่น(หรือใบขับขี่ก็ได้)
2.สำเนาทะเบียนบ้าน1ชุดให้ถ่ายหน้าที่มีเจ้าบ้านแบบเต็มฉบับไม่ต้องพับครึ่งแล้วค่อยถ่ายหน้าที่เป็นชื่อเรา
3.สำเนาหน้าบัตรเครดิตที่ใช่สมัครpaypalและต้องเป็นบัญชีที่ใช่ขายในอีเบย์นะคะอ้อบัตรต้องถ่ายหน้าหลังเหมือนบัตรประชาชนนะคะ
4.สำเนา ใบจ่ายค่าสินค้าผ่านบัตรเครดิตที่เราใช่สมัครpaypal แล้วเราก็ไปที่เมลเราว่ามีเมลจากeBay Customer Support มารึเปล่าใช้เวลาแค่ 1วันในการตอบกลับหลังจากติดต่อถ้ามี อ่าแลดูว่ามีลิงค์ http://verificationtool.ebay.com.hk/uploadPage.do
มา รึเปล่าถ้ามีเราก็คลิ๊กเข้าไปแล้วกรอกรายละเอียดแล้วเตรียมอัปโหลดเอกสารได้ เลยก่อนโหลดให้กดคำว่า add moreตามจำนวนแผ่นเอกสารที่เราต้องส่งแล้วก็กดbrowseแล้วก็โหลดเอกสารได้เลย ค่ะหลังจากนั้นใหเขียนคอมเมนไปว่า ใช้เป็นเอกสารยืนยันตนเองในการลงขายสินค้าในอีเบย์เท่านั้น
สำหรับ รายระเอียดผู้ใช่บัตรเดบิตสมัครpaypalให้เตรียมเอกสารเหมือนบัตรเครดิตแต่ให เปลี่ยนจากสำเนาใบจ่ายค่าสินค้าเป็นสเตร็ดเมนท์เดือนล่าสุดเท่านั้นอย่างอืน เตรียมเหมือนบัตรเครดิตทุกอย่างพอส่งเอกสารเสร็จทุกอย่างก็รอประมาณ1วันถ้า ไม่ติดปัญหาใดก็สามาร๔ลงขายสินค้าในอีเบย์ได้ตามปกติค่ะ ( ลองทำกันดูนะคะ)ถ้าทำสำเร็จกลับมาโหวตใหกำลังใจกันบ้างนะคะ
ต่ออีนิด เอกสารทุกฉบับต้องเขียนรับรองสำเนาและใช้สมัครในอีเบย์เท่านั้นนะคะ(เขียน เป็นภาษาอังกฤษ)ค่ะพร้อมทั้งลงชื่อจริง-นามสกุลเป็นภาษาอังกฤษและภาษาไทย พร้อมทั้งลายเซ็น แล้วสแกนเก็บไว้เครื่องเมื่อเวลาโหลดส่งจะได้หาง่ายๆเอกสารต้องถ่ายเป็นสีทุกฉบับนะคะ
เปิดร้านในอีเบย์ได้ไม่นานมีปัญหาโดนแขวนแบบไม่รู้เรื่องว่าผิดอะไรลองแก้ไขอย่างนี้ก่อนนะะ.ให้เข้าไปที่เว็บ http://export.ebay.co.th/contact/ แล้วคลิกเลือกประเทศที่ต้องการติดต่อใต้ไอคอนคำว่า Email Customer Support (แนะนำ)เป็นประเทศสิงคโปร จะติดต่อได้รวดเร็วค่ะดำเนินงานเร็วไม่ต้องรอหลายวันต่อกันค่ะ หลังจากเลือกประเทศที่ต้องการติดต่อแล้วให้คลิ๊กไอคอนที่มีหัวข้อกลมๆคำว่า Suspension
พอเข้าไปจะมีหัวข้อแยก 2 สเต็ป อันแรกให้เลือก Suspension Notices หลังจากนั้น ก็Ask about your blocked or suspended account หลังจากนั้นก็พิมม์ข้อความที่เกี่ยวกับเรื่องเว็บที่เราโดนแขวนค่ะ อย่า!ลืมอีเมลติดต่อกลับด้วยนะคะ แล้วก็รออีก 1วันก็จะมีข้อความที่เมลเราค่ะว่าขอเอกสารให้ทางอีเบย์ด้วยข้อความนี้จะ ขึ้น2ที่ค่ะคือเมลที่เราให้ไว้กลับเมลในอีเบย์ค่ะ ที่นี้การเตรียมเอกสารของเราค่ะ สำหรับคนที่ใช่paypal เป็นบัตรเครดิต
1.สำเนาบัตรประชาชนถ่ายเอกสารหน้าหลัง1แผ่น(หรือใบขับขี่ก็ได้)
2.สำเนาทะเบียนบ้าน1ชุดให้ถ่ายหน้าที่มีเจ้าบ้านแบบเต็มฉบับไม่ต้องพับครึ่งแล้วค่อยถ่ายหน้าที่เป็นชื่อเรา
3.สำเนาหน้าบัตรเครดิตที่ใช่สมัครpaypalและต้องเป็นบัญชีที่ใช่ขายในอีเบย์นะคะอ้อบัตรต้องถ่ายหน้าหลังเหมือนบัตรประชาชนนะคะ
4.สำเนา ใบจ่ายค่าสินค้าผ่านบัตรเครดิตที่เราใช่สมัครpaypal แล้วเราก็ไปที่เมลเราว่ามีเมลจากeBay Customer Support มารึเปล่าใช้เวลาแค่ 1วันในการตอบกลับหลังจากติดต่อถ้ามี อ่าแลดูว่ามีลิงค์ http://verificationtool.ebay.com.hk/uploadPage.do
มา รึเปล่าถ้ามีเราก็คลิ๊กเข้าไปแล้วกรอกรายละเอียดแล้วเตรียมอัปโหลดเอกสารได้ เลยก่อนโหลดให้กดคำว่า add moreตามจำนวนแผ่นเอกสารที่เราต้องส่งแล้วก็กดbrowseแล้วก็โหลดเอกสารได้เลย ค่ะหลังจากนั้นใหเขียนคอมเมนไปว่า ใช้เป็นเอกสารยืนยันตนเองในการลงขายสินค้าในอีเบย์เท่านั้น
สำหรับ รายระเอียดผู้ใช่บัตรเดบิตสมัครpaypalให้เตรียมเอกสารเหมือนบัตรเครดิตแต่ให เปลี่ยนจากสำเนาใบจ่ายค่าสินค้าเป็นสเตร็ดเมนท์เดือนล่าสุดเท่านั้นอย่างอืน เตรียมเหมือนบัตรเครดิตทุกอย่างพอส่งเอกสารเสร็จทุกอย่างก็รอประมาณ1วันถ้า ไม่ติดปัญหาใดก็สามาร๔ลงขายสินค้าในอีเบย์ได้ตามปกติค่ะ ( ลองทำกันดูนะคะ)ถ้าทำสำเร็จกลับมาโหวตใหกำลังใจกันบ้างนะคะ
ต่ออีนิด เอกสารทุกฉบับต้องเขียนรับรองสำเนาและใช้สมัครในอีเบย์เท่านั้นนะคะ(เขียน เป็นภาษาอังกฤษ)ค่ะพร้อมทั้งลงชื่อจริง-นามสกุลเป็นภาษาอังกฤษและภาษาไทย พร้อมทั้งลายเซ็น แล้วสแกนเก็บไว้เครื่องเมื่อเวลาโหลดส่งจะได้หาง่ายๆเอกสารต้องถ่ายเป็นสีทุกฉบับนะคะ
นานๆ โพสต์ที อยากให้มาลองอ่านกันครับ ~~ เกี่ยวกับลิมิต limit
ที่มา Thaiebayuser
สิงอยู่มานานแล้วครับ ขายสินค้าค่อนข้างมีมูลค่าครับ อ่านเว็บนี้มานานแล้ว ไม่ค่อยได้แชร์ข้อมูลเท่าไหร่ 555
เอางี้ครับ เริ่มเลยนะครับ..
ก่อนหน้านี้ประมาณ 1-2 อาทิตย์ สินค้าบางรายการโดนลิมิตห้ามลงขายครับ เหตุผล 30 days ตามด้วยภาษาจีน
ผมก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจเพราะว่าเป็นสินค้าหมวดอื่นๆ ไม่ใช่รายการอาชีพหลัก เลยปล่อยไป ไม่ได้ทำอะไร
หลังจากนั้นเมื่อวานตอน 3 ทุ่ม ผมลิสต์ สินค้าหลักของร้าน พบว่า ขึ้นเตือนเหมือนกัน 30days และ ภาษาจีน
ผมก็เริ่มเอะใจว่า เนื่องจากสินค้าผมมีขนาดใหญ่ ผมใช้คีย์เวิร์ดคำว่า GIANT จึงพบว่าโดนห้ามลงขาย 30days
ผมเลยเปลี่ยนคีย์เวิร์ดว่าเป็นคำว่า JUMBO หลังจากนั้นก็ลงได้ตามปกติครับ
เลยสังเกตได้ว่าการโดนลิมิตส่วนหนึ่งนั้นเกิดจาก การพิมพ์คีย์เวิร์ดลิมิตต้องห้ามของอีเบย์ไปเช่น GIANT (ในเคสของผมเป็นต้น)
จากนั้น...ผมเลยเมล์ไปเล่นๆ (ไม่จริงจัง) ถึงอีเบย์ จากช่องให้ส่งรีเควสเพิ่ม listing ว่า..
Hello,
I want to review my limits listing items.
Best Regards,
Dome
จนมาวันนี้ 5 โมงเย็นวันนี้ได้รับอีเมล์ตอบกลับมาว่า
Hi Dome
Thank you for writing eBay in regard to the listing limit on your
account.
We've reviewed your account carefully and decide to open your account
limit. We encourage you to continue to build a positive selling history
on eBay and to follow all the policies.
Thanks for your understanding.
Regards,
eBay Hong Kong Customer Support
จากนั้นก็ลิสต์ได้ตามปกติทุกคีย์เวิร์ดแล้วครับ
ถ้า ท่านใดโดนลิมิต ในขึ้นต้นผมอยากให้ลองเปลี่ยนหมวดหมู่ ให้เป็นหมวดหมู่ใกล้เคียง หรือเปลี่ยนคีย์เวิร์ดก่อนครับ จากนั้นค่อยดำเนินการเมลล์ร้องขอเพิ่มจำนวนลิสต์ ตามกระทู้ของท่านอื่นๆ แก้ตามเคสๆกันไปครับ
ขอบพระคุณครับ
Answerเรื่อง title เนี่ยบางทีก็ปวดหัวเหมือนกัน เรียกลูกค้าเข้ามาดูเยอะ แต่ก็พ่วงให้ moderator เข้ามาดูเยอะเหมือนกัน
Answer
ผมว่าเป็น บอท ครับ
เหมือนเป็น "คีย์เวิร์ด" ดักลิมิตเลยครับ
Answer
ผมก็เคยโดนคล้ายๆกัน เคยมีสินค้าชิ้นหนึ่งสีงาช้าง ผมก็ลงว่า IVORY โดนเลย ประมาณเหมือนเราไปขายสินค้าต้องห้ามจำพวกงาช้าง
เวรกรรมแท้ๆ บอทมันเก่งเกิน เหอะๆๆ
Answer
บอท เก่งๆ ต้องโดน head shot สักที สองที 55555+
Answer
ผมลองหาสินค้าใหม่ๆมาลงขาย พอดีไปเจอสินค้าพวกเสื้อยืด เสื้อกล้ามที่มียี่ห้อเบียร์ไทยก็เลยลองไปซื้อมาขายดู ลงขายไปสี่ตัวขายหมดแล้วครับแต่พอจะลงใหม่โดนลิมิต 30 วัน ซะงั้น
กรณีเดียวกันแต่ผมใช้ Title ของสินค้าเหมือนคนขายรายอื่นๆนะครับ เลยคิดว่าจะเลิกขายแล้วครับกำไรน้อยคนไทยขายตัดราคากันเหลือเกิน
สิงอยู่มานานแล้วครับ ขายสินค้าค่อนข้างมีมูลค่าครับ อ่านเว็บนี้มานานแล้ว ไม่ค่อยได้แชร์ข้อมูลเท่าไหร่ 555
เอางี้ครับ เริ่มเลยนะครับ..
ก่อนหน้านี้ประมาณ 1-2 อาทิตย์ สินค้าบางรายการโดนลิมิตห้ามลงขายครับ เหตุผล 30 days ตามด้วยภาษาจีน
ผมก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจเพราะว่าเป็นสินค้าหมวดอื่นๆ ไม่ใช่รายการอาชีพหลัก เลยปล่อยไป ไม่ได้ทำอะไร
หลังจากนั้นเมื่อวานตอน 3 ทุ่ม ผมลิสต์ สินค้าหลักของร้าน พบว่า ขึ้นเตือนเหมือนกัน 30days และ ภาษาจีน
ผมก็เริ่มเอะใจว่า เนื่องจากสินค้าผมมีขนาดใหญ่ ผมใช้คีย์เวิร์ดคำว่า GIANT จึงพบว่าโดนห้ามลงขาย 30days
ผมเลยเปลี่ยนคีย์เวิร์ดว่าเป็นคำว่า JUMBO หลังจากนั้นก็ลงได้ตามปกติครับ
เลยสังเกตได้ว่าการโดนลิมิตส่วนหนึ่งนั้นเกิดจาก การพิมพ์คีย์เวิร์ดลิมิตต้องห้ามของอีเบย์ไปเช่น GIANT (ในเคสของผมเป็นต้น)
จากนั้น...ผมเลยเมล์ไปเล่นๆ (ไม่จริงจัง) ถึงอีเบย์ จากช่องให้ส่งรีเควสเพิ่ม listing ว่า..
Hello,
I want to review my limits listing items.
Best Regards,
Dome
จนมาวันนี้ 5 โมงเย็นวันนี้ได้รับอีเมล์ตอบกลับมาว่า
Hi Dome
Thank you for writing eBay in regard to the listing limit on your
account.
We've reviewed your account carefully and decide to open your account
limit. We encourage you to continue to build a positive selling history
on eBay and to follow all the policies.
Thanks for your understanding.
Regards,
eBay Hong Kong Customer Support
จากนั้นก็ลิสต์ได้ตามปกติทุกคีย์เวิร์ดแล้วครับ
ถ้า ท่านใดโดนลิมิต ในขึ้นต้นผมอยากให้ลองเปลี่ยนหมวดหมู่ ให้เป็นหมวดหมู่ใกล้เคียง หรือเปลี่ยนคีย์เวิร์ดก่อนครับ จากนั้นค่อยดำเนินการเมลล์ร้องขอเพิ่มจำนวนลิสต์ ตามกระทู้ของท่านอื่นๆ แก้ตามเคสๆกันไปครับ
ขอบพระคุณครับ
Answerเรื่อง title เนี่ยบางทีก็ปวดหัวเหมือนกัน เรียกลูกค้าเข้ามาดูเยอะ แต่ก็พ่วงให้ moderator เข้ามาดูเยอะเหมือนกัน
Answer
ผมว่าเป็น บอท ครับ
เหมือนเป็น "คีย์เวิร์ด" ดักลิมิตเลยครับ
Answer
ผมก็เคยโดนคล้ายๆกัน เคยมีสินค้าชิ้นหนึ่งสีงาช้าง ผมก็ลงว่า IVORY โดนเลย ประมาณเหมือนเราไปขายสินค้าต้องห้ามจำพวกงาช้าง
เวรกรรมแท้ๆ บอทมันเก่งเกิน เหอะๆๆ
Answer
บอท เก่งๆ ต้องโดน head shot สักที สองที 55555+
Answer
ผมลองหาสินค้าใหม่ๆมาลงขาย พอดีไปเจอสินค้าพวกเสื้อยืด เสื้อกล้ามที่มียี่ห้อเบียร์ไทยก็เลยลองไปซื้อมาขายดู ลงขายไปสี่ตัวขายหมดแล้วครับแต่พอจะลงใหม่โดนลิมิต 30 วัน ซะงั้น
กรณีเดียวกันแต่ผมใช้ Title ของสินค้าเหมือนคนขายรายอื่นๆนะครับ เลยคิดว่าจะเลิกขายแล้วครับกำไรน้อยคนไทยขายตัดราคากันเหลือเกิน
อีเบย์ ยกเลิกส่วนลด FVF สำหรับ Powerseller แล้ว
ที่มา thaiebay
เรียนท่านผู้ขาย
อีเบย์ขอเรียนให้ทราบว่าเราจะยกเลิกส่วนลดค่า ธรรมเนียม Final Value Fee 5% สำหรับ PowerSellers ใน eBay.com ภายในเดือนมิถุนายน 2554 นี้ (แสดงใน invoice ใบแรกของเดือนมิถุนายน 2554) ทั้งนี้ ท่านจะยังคงได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆสำหรับผู้ขาย PowerSellers เช่นเดิม ได้แก่
1.การคุ้มครองกรณีไม่ได้รับการชำระเงินค่าสินค้า
2.กระดานสนทนาสำหรับ Power Seller
3.สายด่วนสำหรับ Power Seller
ผู้ ขาย eBay Top-Rated Sellers ยังคงได้รับส่วนลดค่าธรรมเนียม Final Value Fee 20% ในส่วนของราคาสินค้า รวมทั้งสิทธิประโยชน์ชั้นยอดอื่นๆ
อาทิ
-ได้รับการจัดอันดับที่สูงในผลลัพธ์การค้นหาการลงขายแบบfixed price
-แสดงผลโลโก้ให้เห็นอย่างเด่นชัดในผลลัพธ์การค้นหาและหน้าหลักอื่นๆ
-ได้รับการจัดอันดับที่สูงใน Value Box สำหรับสินค้าที่ลงขายโดยใช้แค็ตตาล็อก
-ได้รับการจัดอันดับที่สูงในการขายสินค้าในโฮมเพจของอีเบย์
ดังนั้น คนขายจะเสียค่าฟีกันมโหฬาร สำหรับ การเปลี่ยนในช่วง 2 เดือนมานี้
เรียนท่านผู้ขาย
อีเบย์ขอเรียนให้ทราบว่าเราจะยกเลิกส่วนลดค่า ธรรมเนียม Final Value Fee 5% สำหรับ PowerSellers ใน eBay.com ภายในเดือนมิถุนายน 2554 นี้ (แสดงใน invoice ใบแรกของเดือนมิถุนายน 2554) ทั้งนี้ ท่านจะยังคงได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆสำหรับผู้ขาย PowerSellers เช่นเดิม ได้แก่
1.การคุ้มครองกรณีไม่ได้รับการชำระเงินค่าสินค้า
2.กระดานสนทนาสำหรับ Power Seller
3.สายด่วนสำหรับ Power Seller
ผู้ ขาย eBay Top-Rated Sellers ยังคงได้รับส่วนลดค่าธรรมเนียม Final Value Fee 20% ในส่วนของราคาสินค้า รวมทั้งสิทธิประโยชน์ชั้นยอดอื่นๆ
อาทิ
-ได้รับการจัดอันดับที่สูงในผลลัพธ์การค้นหาการลงขายแบบfixed price
-แสดงผลโลโก้ให้เห็นอย่างเด่นชัดในผลลัพธ์การค้นหาและหน้าหลักอื่นๆ
-ได้รับการจัดอันดับที่สูงใน Value Box สำหรับสินค้าที่ลงขายโดยใช้แค็ตตาล็อก
-ได้รับการจัดอันดับที่สูงในการขายสินค้าในโฮมเพจของอีเบย์
ดังนั้น คนขายจะเสียค่าฟีกันมโหฬาร สำหรับ การเปลี่ยนในช่วง 2 เดือนมานี้
ลิงค์สำหรับตรวจสอบไปรษณีย์ลงทะเบียน มีหลายประเทศ
ที่มา thaiebay
AUSTRIA ---> http://www.post.at/en/index.html
BELGIUM --> http://etracker.emstaxipost.be/index.asp?lang=gb
BRAZIL ---> http://www.correios.com.br/servicos/rastreamento/internacional/default.cfm?Idioma=E
CANADA ---> https://obc.canadapost.ca/emo/basicPin.do?language=en
CHINA ---> http://www.ems.com.cn/english-main.jsp
CROATIA ---> http://ips.posta.hr
CYPRUS ---> http://ips.cypruspost.gov.cy/ipswebtrack
CZECH ---> http://www.cpost.cz/jetspeed/portal/media-type/html/language/en/user/anon/page/default.psml/js_pane/sluzbyonline,P-10adae2878c-10000
DENMARK ---> http://www.postdanmark.dk//iis/english/index.asp
FINLAND --> http://www.posti.fi/vanhat/english/lahetystenseuranta/
รวมทั้ง Aland Islands
FRANCE รวมทั้ง Monaco ---> http://www.us.chronopost.com/web/en/
GREAT BRITAIN AND NORTHERN IRELANDS ---> http://www.parcelforce.com/portal/pw/track?catId=7500082
GREECE ---> http://212.205.82.71/trackandtrace/
GREENLAND ---> http://www.postdanmark.dk/contentfull.dk?lang=en
HONG KONG ---> http://www.hongkongpost.com/speedpost/eng/main.htm
ICELAND ---> http://www.postur.is/english/index.html
INDONESIA ---> http://ems.posindonesia.co.id/
http://www.posindonesia.co.id/#
รวมทั้ง Borneo ส่วนที่เป็นของ Indonesia และ New Guinea (lrian ตะวันตกและ Timor ส่วนที่เป็นของ Indonesia)
IRELAND ---> http://track.anpost.ie/track/trackone.html
JAPAN ---> http://www.post.japanpost.jp/english/tracking/index.html
KOREA (Rep.of) ---> http://service.epost.go.kr/iservice/ems/ems_eng.jsp
MALTA ---> http://trackandtrace.maltapost.com
NEW ZEALAND ---> http://www.nzpost.co.nz/Cultures/en-NZ/OnlineTools/TrackAndTrace/Track+and+Trace.htm
(รวมทั้ง Chatham, Cambell, Nerdmadec และ Raoul ls.)
NORWAY ---> http://www.posten.no/posten/PagesKM/KMSporingInternett.aspx?Language=English
PORTUGAL ---> http://www.ctt.pt/CTTsite/ctt_servicosol_00.jsp?local_id1=423&local_id2=426&idioma_id=2&itemmenu=166
-CONTINENT
-ARZORES
-MADEIRA
QATAR ---> http://www.imolink.net/qpost/ttchmail/tracktrace.htm
SINGAPORE ---> http://www.singpost.com/ra/ra_article_status.asp
SPAIN ---> http://www.correos.es/ENG/13-MenuRec2/01-MenuRec21/2010_c1-LocalizadorE.asp
-CONTINENT
-CANARY
SWEDEN ---> http://www.posten.se/tracktrace/TrackConsignments_do.jsp?
SWITZERLAND ---> https://www.post.ch/en/index/uk_geschaeftskunden/pm_versand_inland_gk/pp_pakete_gk/pp_informationslogistk/ pp_trackandtrace_info/pm_trackandtrace.htm
(รวมทั้ง Liechtentein)
TAIWAN ---> http://postserv.post.gov.tw/WebMailNslookup/ENII_CertifiedMail.html
TURKEY ---> http://www.ptt.gov.tr/index_eng.php
UNITED ARAB EMIRATES ---> http://www.emiratespost.com/frame.do?page=%2Fgpaen%2Fgpatracktrace%2FTrackTraceMain.jsp%3Flanguage%3Den
UNITED STATES OF AMERICA ---> http://www.usps.com/shipping/trackandconfirm.htm
(รวมทั้ง Alaska และ Hawaii)
-PEURTO RICO
-WAKE ISLANDS
-VIRGIN ISLANDS (U.S.A.)
AUSTRIA ---> http://www.post.at/en/index.html
BELGIUM --> http://etracker.emstaxipost.be/index.asp?lang=gb
BRAZIL ---> http://www.correios.com.br/servicos/rastreamento/internacional/default.cfm?Idioma=E
CANADA ---> https://obc.canadapost.ca/emo/basicPin.do?language=en
CHINA ---> http://www.ems.com.cn/english-main.jsp
CROATIA ---> http://ips.posta.hr
CYPRUS ---> http://ips.cypruspost.gov.cy/ipswebtrack
CZECH ---> http://www.cpost.cz/jetspeed/portal/media-type/html/language/en/user/anon/page/default.psml/js_pane/sluzbyonline,P-10adae2878c-10000
DENMARK ---> http://www.postdanmark.dk//iis/english/index.asp
FINLAND --> http://www.posti.fi/vanhat/english/lahetystenseuranta/
รวมทั้ง Aland Islands
FRANCE รวมทั้ง Monaco ---> http://www.us.chronopost.com/web/en/
GREAT BRITAIN AND NORTHERN IRELANDS ---> http://www.parcelforce.com/portal/pw/track?catId=7500082
GREECE ---> http://212.205.82.71/trackandtrace/
GREENLAND ---> http://www.postdanmark.dk/contentfull.dk?lang=en
HONG KONG ---> http://www.hongkongpost.com/speedpost/eng/main.htm
ICELAND ---> http://www.postur.is/english/index.html
INDONESIA ---> http://ems.posindonesia.co.id/
http://www.posindonesia.co.id/#
รวมทั้ง Borneo ส่วนที่เป็นของ Indonesia และ New Guinea (lrian ตะวันตกและ Timor ส่วนที่เป็นของ Indonesia)
IRELAND ---> http://track.anpost.ie/track/trackone.html
JAPAN ---> http://www.post.japanpost.jp/english/tracking/index.html
KOREA (Rep.of) ---> http://service.epost.go.kr/iservice/ems/ems_eng.jsp
MALTA ---> http://trackandtrace.maltapost.com
NEW ZEALAND ---> http://www.nzpost.co.nz/Cultures/en-NZ/OnlineTools/TrackAndTrace/Track+and+Trace.htm
(รวมทั้ง Chatham, Cambell, Nerdmadec และ Raoul ls.)
NORWAY ---> http://www.posten.no/posten/PagesKM/KMSporingInternett.aspx?Language=English
PORTUGAL ---> http://www.ctt.pt/CTTsite/ctt_servicosol_00.jsp?local_id1=423&local_id2=426&idioma_id=2&itemmenu=166
-CONTINENT
-ARZORES
-MADEIRA
QATAR ---> http://www.imolink.net/qpost/ttchmail/tracktrace.htm
SINGAPORE ---> http://www.singpost.com/ra/ra_article_status.asp
SPAIN ---> http://www.correos.es/ENG/13-MenuRec2/01-MenuRec21/2010_c1-LocalizadorE.asp
-CONTINENT
-CANARY
SWEDEN ---> http://www.posten.se/tracktrace/TrackConsignments_do.jsp?
SWITZERLAND ---> https://www.post.ch/en/index/uk_geschaeftskunden/pm_versand_inland_gk/pp_pakete_gk/pp_informationslogistk/ pp_trackandtrace_info/pm_trackandtrace.htm
(รวมทั้ง Liechtentein)
TAIWAN ---> http://postserv.post.gov.tw/WebMailNslookup/ENII_CertifiedMail.html
TURKEY ---> http://www.ptt.gov.tr/index_eng.php
UNITED ARAB EMIRATES ---> http://www.emiratespost.com/frame.do?page=%2Fgpaen%2Fgpatracktrace%2FTrackTraceMain.jsp%3Flanguage%3Den
UNITED STATES OF AMERICA ---> http://www.usps.com/shipping/trackandconfirm.htm
(รวมทั้ง Alaska และ Hawaii)
-PEURTO RICO
-WAKE ISLANDS
-VIRGIN ISLANDS (U.S.A.)
ทำความรู้จัก อีเบย์ eBay
ที่มา it-guides
หลายๆ คนที่ผ่านร้านหนังสือ คงเคยเห็นหนังสือแนะนำการทำธุรกิจผ่านอีเบย์ หรือหารายได้จากเว็บไซต์อีเบย์มาบ้างแล้ว แล้วคุณทราบหรือไม่ว่าอีเบย์ทำอะไรได้บ้าง และทำให้เรารวยได้จริงหรื่อ !
หลายๆ คนที่ผ่านร้านหนังสือ คงเคยเห็นหนังสือแนะนำการทำธุรกิจผ่านอีเบย์ หรือหารายได้จากเว็บไซต์อีเบย์มาบ้างแล้ว แล้วคุณทราบหรือไม่ว่าอีเบย์ทำอะไรได้บ้าง และทำให้เรารวยได้จริงหรื่อ !
eBay อีเบย์?คืออะไร
eBay คือเว็บไซต์ที่ให้บริการการประมูลสินค้าออนไลน์ ซึ่งรอบรับการใช้สั้งซื้อ/สั่งขายสินค้าจากทั่วโลก เพียงแค่มีคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตเท่านั้น? จุดเดนของอีเบย์ที่เห็นได้ชัด คงเป็นเรื่องของ "การประมูล" หรือ Auction? ซึ่งปัจจุบันอีเบย์เป็นเว็บที่นิยมมากที่สุดเว็บไซต์หนึ่งในโลกของการประมูล สินค้าหลักการประมูลผ่านอีเบย์
- เริ่มต้นผู้ขายสินค้า แสดงสินค้า และกำหนดราคา/รายละเอียด เบื้องต้น?และตั้งเวลาจบในการประมูล
- ผู้ซื้อ หรือผู้สนใจ ให้ราคาที่ตนเองต้องการ แต่ต้องไม่ตำกว่าราคาประมูลที่กำหนดไว้
- ใครที่ให้ราคาสูงสุด จะได้รับสินค้านั้นไป
- อีเบย์เป็นตัวกลางในการจัดการระบบ รวมทั้งมีรายได้จากค่าธรรมเนียม
ประวัติอีเบย์โดยย่อ
ก่อ ตั้งเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2538 โดยนาย Pierre Omidyar? โดยชื่อเว็บเริ่มต้นคือ AuctionWeb.com และต่อมาได้เปลี่ยนเป็น eBay.com ในเดือนกันยายนเช่นกัน แต่เป็นปี 2540?บริการของอีเบย์
นอก เหนือจากการให้บริการประมูลสินค้าผ่านหน้าเว็บไซต์ของอีเบย์ ซึ่งเป็นบริการหลักแล้ว?อีเบย์ยังมีบริการอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกหลายๆ อย่างดังนี้- ประมูลออนไลน์ (พื้นฐานบริการของอีเบย์)
- ขายสินค้า ผู้ขายสามารถขายสินค้าโดยตรงผ่านอีเบย์ได้ทันที (ไม่ต้องประมูล) เรียกว่าเป็นการเปิดร้านค้าในอีเบย์ โดยตรงเลยทีเดียว
- เสนอซื้อสินค้า สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อสินค้า แต่หาไม่เจอ
ข้อจำกัดของการขาย/ซื้อสินค้าผ่านอีเบย์
- ผู้ขายสินค้า จะต้องเป็นสมาชิกกับอีเบย์ เท่านั้น
- สินค้าที่ขาย จะต้องเป็นสินค้าที่ไม่ต้องห้าม (ดูรายละเอียดได้จาก http://pages.ebay.com/help/policies/items-ov.html
- ผู้ประมูล/ซื้อสินค้า จะต้องมีการลงทะเบียนเช่นเดียวกันกับผู้ขายสินค้า
- การรับชำระเงิน ผู้ขายสินค้าควรมีบัญชี PayPal เพื่อความสะดวก (ซึ่ง PayPal ก็รองรับการชำระเงินไทยด้วย)
13 มิถุนายน 2554
ฉันสามารถเปลี่ยนค่าเงินจาก SGD ใน invoice ให้เป็น USD ได้อย่างไร
ที่มา ebay.co.th
หากต้องการเลือกชำีระค่าใช้จ่ายแบบ Automatic Payment ด้วย credit card | |
เข้าไปที่ https://arbd.ebay.com/ws/eBayISAPI.dll?SBCChooseCurrency&guest=1 ล็อกอินด้วยบัญชีอีเบย์ของคุณ แล้วเลือกเปลี่ยนค่าเงินเป็น USD | |
เลือก Automatic Payments และ Continue | |
ระบบ จะตั้ง Default ให้เป็น PayPal แต่เนื่องจากในขณะนี้ผู้ขายจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่สามารถใช้ PayPal ชำระเงินแบบ Automatic Payment ได้ จึงต้องเลือกเป็น Credit Card กด Set Up Automatic Payment | |
ตรวจสอบข้อมูลในบัตรเครดิตให้ตรงกับที่อยู่ เปลี่ยน United State ให้เป็น Thailand State ปล่อยไว้เป็น BA เช่นเดิม | |
หมายเหตุ คุณสามารถเปลี่ยน Currency ได้ปีละครั้ง | |
ขณะนี้ผู้ขายจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่สามารถตั้งค่าการชำระเงิน Automatic Payment ด้วย PayPal ได้ |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)